กินข้าวทั้งน้ำตา ผมเขียนให้เรื่องราวของผม เป็นอุทาหรณ์ให้เด็กรุ่นหลัง

0

กินข้าวทั้งน้ำตา ผมเขียนให้เรื่องราวของผม เป็นอุทาหรณ์ให้เด็กรุ่นหลัง

ผมถูกจับในขัอหาค้าย.าบ้า 135เม็ด เมื่อตอนอายุ17 วันที่ผมถูกจับเป็นเวลาเกือบตี2 บริเวณหน้า บ.ข.ส.ใหม่โคราชผมถูกจับร่วมกับรุ่นพี่ที่เป็นเอ.เย่นต์ย.า ที่จริงผมมันก็แค่เด็กเดินย.า

ที่โดนจับเพราะเพื่อน ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลเป็น…สายล่อซื้อ! คืนนั้น…โดนซ้อม ทั้งผมและรุ่นพี่ที่เป็นเอเย่.นต์ (ขออนุญาตพูดความจริง) เข้าใจว่า คงเป็นแนวทางการสอบสวน เพื่อเค้นสอบหาตัวใหญ่

เราถูกฝากขัง 2วันตามกฎหมายกำหนดว่า เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์กักตัวเราได้48ชั่วโมง

ผมถูกส่งตัวไปสถานพินิจ(คุกเด็ก) รุ่นพี่ถูกส่งไปบ้านใหญ่(เรือนจำ)

พ่อผมรู้ข่าว เสียใจมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จะช่วยผมได้ บ้านก็ยากจน เงินหมื่นไม่เคยได้จับตั้งนานแล้ว

ค่าประกันตัวผมหลายแสน! พ่อมาเยี่ยมที่สถานพินิจ “แกงเทโพที่แม่ทำ มื้อนั้นอร่อยที่สุดในชีวิต”

กินข้าวทั้งน้ำตา

ห่างแม่แค่โต๊ะกินข้าวกั้นแต่กอดแม่ไม่ได้

พ่อกลั้นน้ำตาสุดหัวใจ

ได้แต่บอกผมว่าเดี๋ยวป๊าจะมาช่วย

พ่อหายไปหลายวัน

วิ่งหาเงินประกันตัวผม

ส่วนผมตอนที่ติดคุก

ผมไม่เคยละสายตาจากประตูคุก

หูผมฟังแต่เสียงประกาศชื่อญาติเยี่ยม

จดจ่ออยู่อย่างนั้นทุกวัน

ผ่านไป11วันในคุก

พ่อทำสำเร็จ…ประกันตัวผมได้

ผมออกมาช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวได้ไม่กี่วัน

พ่อให้ไปช่วยป้า ทำงานคั้นกะทิในบ้าน

ผมจึงรู้ความจริงว่า…

พ่อยอมคลานสี่ขาเขามากราบป้าแก้ว (ป้าผม นางนกแก้ว เรืองฤทธิ์)

เพื่อขอให้เอาโฉนดที่ดิน ไปค้ำประกันตัวผมออกมา

ยัง ยังไม่จบ

พ่อต้องไปกราบที่ตักอาม่า

ที่พ่อเช่าที่ขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อยืมเงินมาประกันตัวผม

(ใช้ทั้งเงินสดและหลักทรัพย์)

ก็ยังไม่ได้จบเพียงแค่นี้….

คราวนี้พ่อและแม่ของผม

คลานเข่าเข้าไปกราบอัยการ

เพื่อขอให้เมตตาในคดีของผม

ผมจึงมีอิสระออกมาได้ในวันนั้น

การประกันตัว

ไม่ได้แปลว่าจะไม่ต้องกลับไปติดคุกอีก

มันคือการได้รับอิสระภาพชั่วคราว

ตัวคดีเดินไปตามกฎหมาย

สุดท้ายจบลงตรงที่ผมได้รับการยกฟ้อง (เค้ากันตัวผมไว้เป็นพยาน)

ในส่วนของขั้นตอนทางกฎหมาย

ผมอาจจะเล่าไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ประมาณนี้

ดูจากที่ผมเล่ามา

เพื่อนๆเห็นมั้ยว่าตัวละครที่ช่วยเหลือผม

มีไม่กี่คน และเป็นคนในครอบครัวทั้งสิ้น!

1พ่อ2แม่3ป้า4อาม่า5อัยการ

แต่ตัวเดินเรื่องทั้งหมด และเป็นคนที่เดือดร้อนที่สุดคือ

พ่อและแม่ผม

เพื่อน…ที่เคยชนแก้วกันในวงเหล้า

ไม่มาเยี่ยมผมสักคน

เพื่อน…ที่เคยกอดคอกันร้องเพลง

ที่เคยบอกรักกัน ไม่เห็นแม้แต่เงา

เพื่อน… ที่บอกว่าเราเป็นเพื่อนรัก

สักคำก็ไม่ถามหาเรา

หายหัวหมด!

มีแต่พ่อแม่มีแต่ครอบครัวที่ช่วยเหลือเรา

มีแต่พ่อแม่ที่เป็นเดือดเป็นร้อน

กินไม่ได้นอนไม่หลับทำทุกอย่างเพื่อเรา

คนอื่น….ก็ได้แค่พูดกับเราวันที่เราออกมา

ว่า…ทำตัวดีๆนะ แค่นั้น!

ผมอยากบอกเพื่อนๆน้องๆว่า

พี่ผ่านมาแล้ว เจอมาแล้ว

ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อเท่าแม่เราหรอก

และที่สำคัญ ย.าเส พติดทำลายทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ทำลายทุกครอบครัวที่ยุ่งกับมัน

และการที่เราถูกจับ

ไม่ใช่เราคนเดียวที่ติดคุก

พ่อแม่เราก็เหมือนติดคุกกับเราด้วย

เดือดเนื้อร้อนใจ

ไม่เป็นอันทำมาหากิน

ห่วงลูกจะกินยังไงจะอยู่ยังไง

จะมาเยี่ยมลูกก็ต้องปิดร้านมา

เราทำทั้งครอบครัวติดคุกไปกับเราด้วย!

ใครที่เกี่ยวข้องกับย.าเส..พติด

เลิกเถอะนะครับ ไม่มีใครได้ใช้เงินหรอก

ไม่มีใครจบสวยสักคน

ที่นอนข้างผมในคุกก็ย.าเส..พติดทั้งนั้น

เป็นคนเสพก็ทำลายตัวเอง

เป็นคนค้าก็พาหายนะเข้าบ้าน

ขายให้คนอื่นรวยตัวเองซวย!

ในคุกที่ผมจากมา….

แม่ต.าย ก็ได้แต่นั่งร้องไห้หลังบล็อก เพราะออกไปเผาแม่ไม่ได้

ลูกเกิดก็ไม่ได้ออกไปดูลูก อยากอุ้มก็อุ้มไม่ได้ โคตรทรมานเลยหล่ะ

อย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับชีวิตเราครอบครัวเรา ไม่คุ้ม

ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับ การรับรู้ถึงการจากไปของพ่อแม่  แต่ออกมาเผาท่านครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว

เลิกเถอะ  ปลายทางมีแต่หายนะ มีแต่ความฉิบหายย่อยยับทั้งนั้น

ผมยังโชคดีที่กลับตัวได้ อย่าพลาดแบบผมเลยนะ

#ชีวิตชั่วๆอย่าใช้มันชั่วชีวิต

อย่าลืมแชร์ให้คนที่คุณหวังดีได้อ่าน

ปัจจุบันผมอายุ39แล้วครับ

เรื่องราวผ่านมา20กว่าปีแล้ว

ผมเขียนให้เรื่องราวของผม

เป็นอุทาหรณ์ให้เด็กรุ่นหลัง

เพราะเห็นว่าเวลานี้

มีคนเดือดร้อนเรื่องย.าเส..พติดเยอะ

และผมไม่เคยบอกว่าผมเป็นคนดี!

ผมไม่เคยโทษใครทั้งนั้น

ตัวผมเองที่ทำผิด

ปัจจุบันผมหันหลังให้เรื่องชั่วๆ

ทุกอย่างหมดแล้ว

และมีชีวิตที่สมปรารถนาทุกอย่าง

บางครั้งบทเรียนดีๆ

มันก็ได้มาจากคนชั่วๆนี่แหละ!

ขอขอบคุณ : สิริทัศน์ สมเสงี่ยม อดีตนักโทษ

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่