ไม่อยากโดนไล่ออก ห้ามพูด 7 เรื่องในที่ทำงาน
เคยมีคนเขาบอกไว้ว่า ชีวิตของการทำงาน ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะนอกจากการทำงานแล้ว ยังมีเรื่องหลายอย่างที่เราต้องรับผิดชอบ และสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานนั้นก็คือ คน คนในที่นี้หมายถึง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน สภาพแวดล้อมที่เราพบเจอในทุกวัน แต่ถึงจะอยู่ยากแต่ก็ต้องอยู่ได้! ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้อยู่ง่ายมากขึ้นก็คือ การไม่พูดเรื่องต้องห้าม 7 อย่าง มีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
1. เกลียดงานที่เคยทำมาขนาดไหน ก็ไม่ควรพูด
คนทุกคนมีอดีตฝังใจแต่สำหรับเรื่องงานแล้ว จะเคยเกลียดแค่ไหนก็ไม่ควรพูด เพราะนอกจากมันจะเป็นเรื่องที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว มันยังทำให้คุณดูเป็นคนไม่รู้จักโต และยังทำให้เพื่อนร่วมงานเกร็ง เพราะไม่รู้ว่าจะถูกคุณเกลียดแล้วเอาไปพูดต่อหรือเปล่า
2. เรื่องการเมืองไม่ใช่การงานไม่ต้องพูดก็ได้
เรื่องการเมืองก็เป็นอีกประเด็นที่ไม่ควรเอามาเมาท์ในที่ทำงาน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นรสนิยมความชอบส่วนบุคคลที่หากพูดไม่เข้าหูหรือมีความคิดเห็นไม่ตรงกันแล้วล่ะก็ อาจจะลากยาวเป็นดราม่าในที่ทำงานได้
3. สถานการณ์การหางานใหม่
หากคุณกำลังมีความคิดที่จะเปลี่ยนงานและกำลังหางานใหม่อยู่ล่ะก็ การพูดถึงสถานการณ์การหางานใหม่ให้เพื่อนร่วมงานฟังนั้น? ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าไหร่ ยกเว้นคุณจะโนสนโนแคร์หากจะมีใครเอาไปพูดต่อ
4. ปัญหาสุขภาพ
การเล่าสู่กันเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่หากเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการก็ไม่ควรเล่าสู่กันฟังเท่าไหร่ เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
5. เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัว
เรื่องเล่าประเภทนี้จัดเป็น Topic ที่มีโอกาสถูกเอาไปเมาท์ต่อสูงมากกก ดังนั้นเพื่อขจัดปัญหาการพูดต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจนอาจนำไปสู่การทะเลาะกัน ไม่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรกจะดีกว่า
6. บ่นเจ้านาย บ่นลูกน้อง บ่นเพื่อนร่วมงาน
เรื่องต้องห้ามรหัสแดงอีกเรื่องในลิสต์นี้ คือการบ่นเจ้านาย บ่นลูกน้องและบ่นเพื่อนร่วมงานใน “ที่ทำงาน” ซึ่งมักจะไม่จบแค่ในกลุ่มที่บ่นแต่จะแพร่กระจายไปทั่วออฟฟิศจนเกิดดราม่า
7. รู้มั้ยคนนั้น/คนนี้อ่ะ ตอนนี้..
การเริ่มต้นประโยคด้วยการพาดพิงถึงบุคคลที่ถาม แค่ประโยคเริ่มต้นก็ชวนดราม่าแล้ว เพราะเรื่องมันจะไม่จบแค่ที่คู่สนทนาของคุณแต่มันจะกระจายต่อไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหากมีการสาวต้นตอข่าวลือ คุณจะกลายเป็นหนึ่งในวังวนของดราม่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : huffpost , undubzapp.com