ลองนำสำลีทาวิคส์ใส่ในหูทิ้งไว้ทั้งคืน คุณจะเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า!!

0

ลองนำสำลีทาวิคส์ใส่ในหูทิ้งไว้ทั้งคืน คุณจะเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า!!

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ใช้ วิคส์ เพราะวิคส์เป็นยาทาที่ช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูกแบบที่เราได้ใช้กัน แต่เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าวิคส์ไม่ใช่เพียงแค่ใช้ประโยชน์ได้อย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์อีก 8 ข้อ ที่แอดเชื่อว่าหลายคนยังคงไม่รู้แน่นอน ใช้อะไรได้บ้าง ตามมาดูกันเลย

สามส่วนผสมหลักของวิคส์ มีเมนทอล การบูร และน้ำมันยูคาลิปตัส ช่วยบรรเทาอาการไอและลดอาการแน่นจมูก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายและยังสามารถสร้างความประหลาดใจกับกรณีดังต่อไปนี้

อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

– คุณลองใช้ผลิตภัณฑ์นวดบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดจากนั้นนำผ้าขนหนูมาห่อไว้จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี

อาการปวดหู

– ส่วนใหญ่อาการปวดหูเป็นผลมาจากการติดเชื้อที่หูหรือเป็นไข้หวัด อาการปวดหูมักสร้างความเจ็บป่วยในขณะที่กำลังนอนหลับทำให้คุณนอนหลับไม่เพียงพอก่อให้เกิดความทรุดโทรมแก่ร่างกาย ด้วยเหตุนี้คุณลองใช้คัตเติ้ลบัตทาวิคส์แล้วทาเข้าไปในหูทิ้งไว้ตลอดคืน จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้หายไป

อาการปวดหัว

– ในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะลองใช้วิคส์ทาบางๆที่ขมับจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่มีอาการปวดหัวไซนัสให้ทาเข้าไปในรูจมูกจากนั้นหายใจเข้าช้าๆลึกๆ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

ส้นเท้าแตก

– ใช้วิคส์ถูนวดบริเวณส้นเท้าของคุณทุกเย็น นวดบริเวณที่มีปัญหาปล่อยทิ้งไว้ตลอดคืน ล้างออกในตอนเช้าด้วยน้ำอุ่นและขัดด้วยหินภูเขาไฟจะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกของคุณ

รักษารอยฟกช้ำและบาดแผลเล็กๆ

– เพื่อช่วยให้อาการเหล่านี้หายเร็วขึ้น เพียงคุณทาวิคส์รอบๆ บาดแผลเล็กๆของคุณ แต่หลีกเลี่ยงการทาเข้าไปในแผลโดยตรง สำหรับรอยฟกช้ำใช้วิคส์และเกลือผสมกันถูนวดเบาๆ จะช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำให้หายเร็วขึ้น

เชื้อราที่เล็บเท้า

– ทาวิคส์บริเวณที่ติดเชื้อ 2-3 ครั้งทุกวัน ใช้วิธีรักษานี้เพียงสองสามสัปดาห์เชื้อราจะหายไป

รักษารอยข่วนของสัตว์

– หากคุณอยากป้องการรอยขีดข่วนของแมว ให้ทางวิคส์บางๆไว้บนประตู โซฟ ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ของคุณ

ไล่แมลง

– ใช้วิคส์ทาบางๆ บริเวณเสื้อผ้าและผิวของคุณสามารถช่วยไล่แมลงได้ แต่ถ้าคุณโดนแมลงกัดต่อยให้ถูนวดวิคส์บริเวณที่เกิดปัญหาเพื่อบรรเทาอาการคัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : healthyfoodhouse.com

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่