แม่กาหลง “เปรต” กลายเป็น “เทพธิดา” หลวงพ่อจรัญเผยเพราะไปวัดชอบทำสิ่งนี้ สุดท้ายกลายเป็นเปรต อย่าทำตามเด็ดขาด!

0

แม่กาหลง “เปรต” กลายเป็น “เทพธิดา” หลวงพ่อจรัญเผยเพราะไปวัดชอบทำสิ่งนี้ สุดท้ายกลายเป็นเปรต อย่าทำตามเด็ดขาด!

#ตำนานเปรตแม่กาหลงแห่งวัดอัมพวัน

“แม่กาหลง” จาก “เปรต” กลายเป็น “เทพธิดา” เพราะวิปัสสนากรรมฐานของ “หลวงพ่อจรัญ” ณ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

“อาตมา… มาอยู่จำพรรษาที่ “วัดอัมพวัน” ตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ มาคิดดูเหตุการณ์วันข้างหน้าว่าวัดอัมพวันจะเจริญก้าวหน้าได้ จะต้องตั้ง “โรงครัว” เพราะอาหารเป็นเรื่องสำคัญ

อาตมาจาก “วัดพรหมบุรี” มีปัจจัยติดตัวมา ๓,๐๐๐ บาท คิดทบทวนได้ว่าจะต้องหาบ้านสักหลังหนึ่ง ถ้าจะซื้อไม้ใหม่แล้วนำมาปลูกจะต้องใช้ทุนทรัพย์มาก ปัจจัยก็ไม่มีกับเขา จะไปเรี่ยไรบ้านเหนือบ้านใต้ก็จะรู้สึกแร้นแค้น จะไปเรี่ยไรเขามาสร้างโรงครัว ที่ไหนเลยจะทำได้

คิดอย่างนี้แล้วก็ตั้งใจว่าจะต้องไปหาซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง ที่ราคาย่อมเยาพอจะซื้อได้เท่าที่มีเงินอยู่คือ ๓,๐๐๐ บาท

“โยมพิน ใครมีบ้านจะขายบ้างในราคาย่อมเยา”

โยมพินก็บอกว่า “ขอดูก่อน ถ้ามีที่ไหนดิฉันจะมากราบเรียนให้ทราบ” ต่อมาแม่พินก็บอกว่ามีบ้านจะขาย นิมนต์ท่านไปดู

เจ้าของอยู่กรุงเทพฯเป็นบ้านของนายอำเภอเก่า แม่พินไปสืบสาวก็ได้ความว่าเขาบอกขายราคา ๕,๐๐๐ บาท แต่ถ้าท่านต้องการจะเอาไปวัดอัมพวันก็ยินดีจะขายให้ในราคา ๓,๐๐๐ บาท

อาตมารู้สึกดีใจมาก แหมพอเหมาะกับเงินที่เรามีอยู่ บอกให้แม่พินตกลง ก่อนตกลงนี้แม่พินบอกว่า “นิมนต์พระเดชพระคุณไปดูก่อน ถ้าชอบใจค่อยซื้อ ไม่ชอบใจก็แล้วไป”

อาตมาก็ขึ้นไป.. เรือนหวั่นทันที.. เรือนหวั่นโคลงไปโคลงมาเหมือนแผ่นดินไหว อาตมาก็มาคิดดู เอ๋! ข้างนอกลมก็ไม่พัด เรือนทำไมหวั่นไปหวั่นมา

“หลวงพ่อ เรือนหลังนี้บางทีมันอยู่เก่า เป็นบ้านไม่มีคนอยู่ ขึ้นไปกระดานอาจโยนไปโยนมาได้ หรือหลวงพ่อจะเป็นลมไปก็ได้”

อาตมาก็ขึ้นไปใหม่ ขึ้นไปแล้วมีความรู้สึกขึ้นมาก็แผ่เมตตา เอ๋.. อะไรกันอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่ติดใจแต่ประการใด ทีนี้ก็ตกลงปลงใจซื้อ ตกลงจะต้องรื้อ แม่พินก็รับอาสาจะจัดการให้ และจะเตรียมหาอาหารการบริโภคให้เสร็จ แต่ก่อนที่จะรื้อไปนั้น อาตมาก็กล่าวคำพูดออกมา

“นี่พี่น้องทุกคนที่อยู่บ้านนี้ ไปอยู่ด้วยกันนะ ไปอยู่วัดอัมพวัน ไปเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะมาหลงอยู่ที่นี่ทำไม อยู่ในอบาย เป็นเปรตวิสัยไม่ดีแน่ ช่วยกันรื้อ ช่วยปลูกเป็นโรงครัว เพื่อทำอาหารถวายแด่พระภิกษุสงฆ์องค์เณร และช่วยเลี้ยงพุทธศาสนิกชนที่มาวัด ให้ได้รับความสะดวกในการบำเพ็ญกุศลของเขาต่อไป”

ผู้ใหญ่กลีบก็หัวเราะ เพราะเขารู้เรื่องดีแต่เขาไม่บอกเราว่ามีอะไรที่บ้านหลังนี้…!

วันต่อมา… ไปแต่เช้ามืด แม่พินก็จัดการอาหารการบริโภคให้เรียบร้อย รื้อแต่เช้า เสร็จตอนบ่าย มีญาติโยมพุทธศาสนิกชนวัดอัมพวันมาช่วย เดี๋ยวนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ช่วยกันปลูก

ในกาลเวลาต่อมา พระสงฆ์องค์เจ้ามากขึ้น ต้องทำครัวเลี้ยง หุงข้าววันละกระทะถวายพระที่วัดอัมพวันตลอด ยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรเกิดขึ้น ถึงเวลาญาติโยมก็มาช่วยกันทำครัว ทำครัวแล้วก็กลับบ้าน ไม่มีใครเฝ้าหมู กะปิ หัวหอม กระเทียม ทั้งหมดก็เก็บไว้ที่กุฏิโรงครัวนี้

วันหนึ่ง… แม่บุญชูเวลากลับบ้านก็หอบหอมกระเทียมไปบ้าง หมูเหลือ ปลาเหลือ จากทำถวายพระก็เอาไป หอมกระเทียมก็เอาไป อาตมาก็ไม่รู้เรื่อง ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่เคยไปดูโรงครัวเลย

เกิดอัศจรรย์ดลบันดาล!! ผีเข้าแม่บุญชู เขาว่าอย่างนั้น มาตามหลวงพ่อ ผีเข้าเมียภารโรงตอนประมาณบ่ายๆ คนไปดูกันมากมาย ปรากฏว่าผีชื่อ “แม่กาหลง” มาเข้าแล้วก็บอกว่าพวกที่ไปช่วยทำครัวว่า

“น้อยไป พวกเรานี่บาปกรรมเหลือเกินนะนี่ เราบาปมาแล้วต้องเป็นเปรตอยู่ที่บ้านหลังนี้มา เรามากับบ้านหลังนี้”

คนเขาก็ถามว่า “เอ้า! มาทำไมเล่า ผีเข้ามาอยู่กุฏิหลังนี้ได้อย่างไร” คนผีเข้าก็บอกว่า

“เออ..!! พวกเอ็งไม่ต้องมายุ่ง เพราะท่านเชิญเรามาหลวงพ่อวัดอัมพวันเชิญมา ให้มานั่งเจริญวิปัสสนาที่วัดนี้เราก็ตามมา และช่วยท่านดูแลโรงครัวด้วย”

“เราดูไม่ได้เลย.. ดูมาหลายวันแล้ว.. พวกเราทำครัวแล้วก็เม้มของวัด เอากะปิหอมกระเทียมติดไปบ้าน เอาปลาติดไปบ้านทุกวัน เราทนดูอยู่ไม่ได้จึงมาบอก อย่าเอาไปนะ จะเป็นเปรต เราเคยเป็นเปรตในบ้านหลังนี้มาแล้ว เราต้องตาย แล้ววิญญาณก็จะอยู่เป็นเปรต”

“เพราะเราได้ผลกรรมของเปรตผูกใจ อำนาจของโลภะ โทสะ โมหะ มันเกิดขึ้นในจิตผูกพัน สามีของเราเจ้าชู้มาก ชอบเที่ยวผู้หญิงยิงเรือมากหน้าหลายตา บ้านนี้เป็นบ้านของนายอำเภอ สามีของเราก็เจ้าชู้”

“ตอนที่เราจะตาย วิญญาณออกจากร่างไป เรามีอำนาจโลภะห่วงใยสมบัติ ห่วงใยสามีของเรา เราตายแล้ววิญญาณจึงต้องมาอยู่ที่นี่คือเรือนหลังนี้ ก็เป็นเปรต”

“แต่เราก็โชคดีเหลือเกิน ท่านไปซื้อบ้านหลังนี้มา ท่านก็บอกกับเราว่าอย่ามาอยู่บ้านหลังนี้เลย อย่ามาเฝ้าอยู่เลยเปรตเอ๋ย ท่านก็พูดเองอย่างนั้น เราก็ตามบ้านนี้มา ช่วยท่านรื้อ ช่วยท่านปลูกเสร็จ ท่านทั้งหลายอย่าเป็นเปรตอย่างเราเลย มานั่งเจริญกรรมฐานกันเถิด”

อาตมาก็ไม่ทราบเลยว่าคนที่อยู่หลังนี้ที่ตายไปแล้วชื่อ “แม่กาหลง” เพราะยังไม่มีใครบอก แม่พินก็ไม่เคยบอก ผู้ใหญ่กลีบก็ไม่เคยบอก เลยก็ได้ความก็บันทึกไว้

เวลากาลก็ล่วงเลยมา… วันพระ เวลาสอนกรรมฐาน แม่พินกับผู้ใหญ่กลีบก็เอาเรือโยงมา พอนั่งกรรมฐานแล้วอาตมาก็ถามขึ้นว่า

“โยมพิน เจ้าของบ้านนี้ชื่อกาหลงจริงไหม ผีจริงไหม?” โยมพินหัวเราะก๊ากเลย “มีเจ้าค่ะ อยู่ที่บ้านนั่นเป็นไข้ตาย กาฬขึ้นผุดกาย แต่ฉันไม่ได้บอกท่านเองแหละ เดี๋ยวท่านจะไม่ซื้อบ้าน บ้านนี้เป็นอย่างไร เห็นคนเขาไม่ซื้อกัน”

เวลากาลต่อมา… แม่กาหลงก็แสดงอภินิหารเรื่อยๆ มีคนมานั่งกรรมฐาน แกก็มานั่งด้วย แสดงภาพออกมาเป็นรูปธรรมเป็นรูปเห็นชัดแล้วพูดได้ด้วย อันนี้มีคนเห็นกันหลายคน

อาตมาขอยืนยันว่า “ผีก็เจริญกรรมฐานได้” ไม่จำเป็นต้องเป็นคน คนยังไม่สนใจ แต่ผีสนใจก็เป็นที่น่าอนุโมทนา ผีก็เจริญวิปัสสนากรรมฐาน

จาก “เปรต” กลายเป็น “เทพธิดา” ไม่มีการปฏิสนธิในครรถ์แต่ประการใด เป็นอภินิหารของโอปปาติกะที่สร้างคุณงามความดี เกิดเป็นเทวดาก็ได้เป็นได้หลายอย่าง โดยอภินิหารของบุญกุศลที่ตนได้สร้างมา นี่เป็นเรื่องการพัฒนาจิตของ “แม่กาหลง”

บางทีพ่อแม่ตาย.. ปู่ย่าตายายตาย.. บางคนบอกไม่ฝันเห็นเลย อย่างนี้ก็ทำบุญกันใหญ่ ข้อเท็จจริงไม่ใช่!! ถ้าเห็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วมาเห็นวอบๆแวบๆ นั่นแหละไม่ดีหรอก เป็นเปรตประจำบ้าน

การเจริญ “สติปัฏฐาน ๔” เป็นทางที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว จิตคนเราเปลี่ยนได้ ในเมื่อมีสติ ไม่จำต้องกล่าวเฉพาะมนุษย์คนธรรมดาเท่านั้น วิญญาณแตกดับทำลายขันธ์ของมันแล้ว ยังไปสร้างความดีของมันได้ เช่น “เปรตแม่กาหลง” เป็นต้น”

#แก้วเสียงธรรม

#เรื่องเล่าจากสหายโพธิ์ดำ

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่