นักลงทุนมือใหม่ ควรเริ่มต้นซื้อกองทุนอะไรดี

0

นักลงทุนมือใหม่ ควรเริ่มต้นซื้อกองทุนอะไรดี

มีเงินเก็บจากการทำงานจะปล่อยให้นอนนิ่งๆ ในแบงก์กินดอกเบี้ยอันน้อยนิดก็ดูไม่คุ้มค่า จะถอนออกมาลงทุนค้าขายหาอาชีพเสริม ลำพังแค่งานประจำก็แทบไม่มีเวลาจะหายใจ ลองมาลงทุนกับกองทุนรวมดีมั้ย ซื้อกองทุนก็ง่าย มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ นักลงทุนมือใหม่ก็ลงทุนได้ เพราะมีมืออาชีพคอยดูแลบริหารกองทุนให้ รับรองไม่มีงง!

หลายคนที่มีเงินเก็บออมแล้วอยากทำให้เงินก้อนนั้นงอกเงยผลิดอกออกผลหรือที่เรามักเรียกกันว่า “ปล่อยให้เงินทำงาน” ก็มักจะมองหาการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อให้เงินเพิ่มพูน ไม่ว่าจะลงทุนหาสินค้ามาขายเป็นรายได้เสริม ลองลงทุนร่วมหุ้นกับเพื่อนในธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ที่ได้รับความนิยมแบบสุดๆ ตอนนี้ก็คงเป็นการซื้อกองทุนรวมแบบต่างๆ ซึ่งหากคุณเป็นมือใหม่ คงต้องสับสนกับข้อมูลมากมายของ กองทุนรูปแบบต่างๆ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำให้ นักลงทุนมือใหม่ได้รู้ว่าในระยะเริ่มต้น ควรเริ่มจากซื้อกองทุนแบบไหนดีและเพราะอะไร ตามไปดูกันเลย

สำหรับมือใหม่ที่อยากนำเงินออมมาซื้อกองทุน ควรเริ่มต้นศึกษาและลงทุนกับ “กองทุนรวม” นั่นก็เพราะ…

บล.จัดการกองทุนกรุงไทย เป็นบริษัทจัดการกองทุนแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และยังได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร เพื่อความสะดวกของลูกค้าทุกท่าน และยังมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกกองทุน

นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ – กองทุนรวมดีอย่างไร

1. ใช้เงินน้อย – เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่เคยลงทุนกับการกองทุนมาก่อน เพราะเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนต่อหน่วยน้อยๆ เพื่อทดลองและสร้างความคุ้นเคยกับการลงทุน ซึ่งกองทุนรวมบางกองทุนใช้เงินเริ่มต้นแค่หลักสิบบาทก็มี ดีงามใช่มั้ยล่ะ!

2. ประหยัดเวลา – ในช่วง เริ่มต้นซื้อกองทุนใหม่ๆ งานประจำก็ยังต้องทำ ซึ่งบ่อยครั้งที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาหาข้อมูลเรื่องการลงทุน แถมยังไม่ค่อยติดตามข่าวสารเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ใช้กองทุนรวมเป็นสนามทดลองค่อยๆ ฝึกหัดวิธีการเลือกลงทุนในกองทุนต่างๆ ไป เก่งเมื่อไหร่ก็ค่อยขยับไปลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น

3. สะดวกในการซื้อขาย – กองทุนรวมเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูงมาก ทำให้คุณสามารถซื้อหรือขายหน่วยลงทุนที่ซื้อไว้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ผ่านระบบออนไลน์ Krungthai NEXT, ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ KTAM Smart Trade

4. กระจายความเสี่ยง – การลงทุนโดยการกองทุนรวม จะมีระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนให้คุณเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำ ปานกลางและสูง ใครชอบแบบเรียบๆ สบายๆ หรือตื่นเต้นเร้าใจก็เลือกลงทุนได้เลย

5. สบายใจเพราะมีคนช่วยดูแล – กองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุน ซึ่งจะรู้เรื่องการลงทุนเป็นอย่างดี มีความสามารถแบบรู้ลึก รู้จริงมาช่วยดูแลเงินให้เรา เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ ซึ่งข้อนี้สำคัญมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่

มีกองทุนหลากหลายพร้อมให้บริการซื้อขายแก่คุณ ไม่ว่าจะซื้อ ขาย หรือสับเปลี่ยนกองทุน ก็ทำได้อย่างง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทันทุกสถานการณ์ด้านการลงทุน ซึ่งสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย กับบริการซื้อขายกองทุนผ่านช่องทางต่างๆ

นักลงทุนควรรู้ – 5 ขั้นตอนลดความเสี่ยงก่อนลงทุน

1. หาข้อมูลเพิ่มเติมที่ “ห้องเรียนนักลงทุนของ Set.or.th” อย่าลงทุนตามกระแส

2. เช็ค Fund Fact Sheet เพื่อดูรายละเอียดกองทุนทุกครั้ง

3. กองทุนรวมเกรด A ต้องมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ

4. เรียนรู้การบริหารความเสี่ยง

5. ต้องรู้ว่าใครเป็นคนดูแลกองทุน

สำหรับ นักลงทุนมือใหม่การเลือกลงทุนในกองทุนรวม ที่มีตั้งแต่ระดับความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงความเสี่ยงสูง ควรเริ่มต้นศึกษาจากกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกองทุนรวมของ KTAM (Krungthai Asset Management) ที่ตอนนี้มี 2 รูปแบบกองทุนคือ

กองทุนเปิดกรุงไทย เซฟวิ่ง ฟันด์ (KTSV)

เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) ที่มีระดับความเสี่ยงต่ำเพียงแค่ระดับ 1 ซึ่งกองทุนรวมตัวนี้จะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่ากองทุน อีก 20% ก็จะเป็นรูปของเงินฝาก ตราสารหนี้หรือตราสารการเงินอื่นๆ รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด หรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ โดยมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อครบกำหนดชำระคืน หรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 397 วัน นับตั้งแต่วันที่กองทุนได้ลงทุนหรือเข้าทำสัญญา

ไม่มีปันผล ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุนและการขายคืนหน่วยลงทุน สามารถซื้อขายผ่านระบบ KTAM SMART TRADE ได้ทางออนไลน์ ระยะเวลาการรับเงินเมื่อขายคืนกองทุนคือ 1 วัน

ค่าธรรมเนียมการจัดการ ไม่เกิน 0.75 % ต่อปี

ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ไม่เกิน 0.02 % ต่อปี

ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน ไม่เกิน 0.12 % ต่อปี

กองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS)

เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) ที่มีระดับความเสี่ยงต่ำเพียงแค่ระดับ 1 ซึ่งกองทุนรวมตัวนี้จะเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือตราสารทางการเงินอื่น รวมทั้งลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ ซึ่งมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 397 วันนับตั้งแต่วันที่กองทุนได้ลงทุนหรือเข้าทำสัญญา โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative) และตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note)

ไม่มีปันผล ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุนและการขายคืนหน่วยลงทุน สามารถซื้อขายผ่านระบบ KTAM SMART TRADE ได้ทางออนไลน์ ระยะเวลาการรับเงินเมื่อขายคืนกองทุนคือ 1 วัน

ค่าธรรมเนียมการจัดการ ไม่เกิน 0.65 % ต่อปี

ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ไม่เกิน 0.055 % ต่อปี

ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน ไม่เกิน 0.10 % ต่อปี

กองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวมก็คือการนำเงินของนักลงทุนมารวมกัน เพื่อที่จะเอาเงินเหล่านั้นไปลงทุนใน สินทรัพย์ หรือตราสารต่าง ๆ เมื่อเกิด ผลกำไรสะสม หรือ ขาดทุน ก็จะมาเฉลี่ยจ่ายคืนตามสัดส่วนให้กับผู้ลงทุน

นักลงทุนควรรู้ – 8 ระดับความเสี่ยงกองทุนรวมแต่ละประเภท

1. กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี โดยจะลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารทางการเงินในประเทศ ที่มีอายุสั้นไม่เกิน 1 ปี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และมีโอกาสผิดนัด ชำระหนี้น้อย

2. กองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ เป็นการนำเงินจากกองทุนประเภทแรกไปลงทุนในตลาดต่างประเทศบางส่วน ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากยังคงเน้นลงทุนในตราสารระยะสั้น ทำให้มีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำ

3. กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล ระยะเวลามากกว่า 1 ปี ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากช่วงอายุของพันธบัตรที่มีความหลากหลาย จึงเป็นเรื่องของ Maturity Risk หรือการครบกำหนดอายุของตราสาร

4. กองทุนรวมตราสารหนี้ หรือ หุ้นกู้ มีดอกเบี้ยสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงตาม ซึ่งความเสี่ยง Credit Rating หรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

5. กองทุนรวมผสมระหว่างตราสารหนี้ กับ ตราสารทุน (หุ้น) มีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง

6. กองทุนรวมตราสารทุน ซึ่งมีความเสี่ยงใกล้เคียงกับการลงทุนในหุ้นโดยตรง ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงในระดับที่สูง

7. กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม หรือ Sector Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเฉพาะใน Sector ที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น

8. กองทุนรวมทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือสินทรัพย์เสี่ยง ที่มีความซับซ้อน ซึ่งผู้ลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจในตลาดทุน

คุณรู้หรือไม่! วันนี้ KTB มีบริการ iBangking หรือ Mobile Banking ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT ซึ่งจะมาเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ธุรกรรมการเงินของคุณ ง่าย ๆ ผ่านมือถือ มาสรุปสิ่งที่ แอปฯ Krungthai NEXT ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องธุรกรรมการเงินดังนี้

– เช็กข้อมูลบัญชีเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินเข้า-ออก

– บริการโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ

– บริการเติมเงินมือถือและชำระบิลต่างๆ

– ชำระเงินกู้ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล สินเชื่อ SME หรืออื่น ๆ

เช็กอัตราแลกเปลี่ยน และแลกเงินต่างประเทศถึง 10 สกุลเงินผ่านแอปฯ

– ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล

การลงทุนเป็นเรื่องง่าย จองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์

– Video Call เจ้าหน้าที่ธนาคารให้ทำธุรกรรมทางการเงินให้

เพราะเงินทองกว่าจะได้มานั้นไม่ใช่ง่ายๆ จะลงทุนในการซื้อกองทุนแบบไหนก็ควรต้องศึกษาให้ถ้วนถี่ ยิ่งเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยมีความรู้และประสบการณ์ด้านการลงทุนมาก่อน ยิ่งควรต้องเริ่มต้นจากการ ลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มีผู้จัดการกองทุนที่น่าเชื่อถือ มีความสะดวกสบายในการซื้อขายหน่วยลงทุนแบบออนไลน์ได้และที่สำคัญคือ ความมั่นคงและน่าเชื่อถือของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อย่างบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเดียวที่อยู่ในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจ คุณจึงมั่นใจได้ในเรื่องของความมั่นคงและประสบการณ์ในเรื่องการลงทุน ซึ่งเค้าก็มีรูปแบบกองทุนที่หลากหลาย หากสนใจก็สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมและเลือกลงทุนกับกองทุนที่เหมาะสมกับตัวเองกันได้เลยที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

อ้างอิง : aommoney.com | moneybuffalo.in.th | ktb.co.th | asiaplus.info | upsplash.com

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่