แพทย์เผย!! โรคร่าเริง กลางคืนสมองไบรท์ไม่นอน กลางวันง่วงไม่อยากทำงาน ต้องรู้เรื่องนี้ไว้
ในปัจจุบันนี้เกิด โรคร่าเริง เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในหมู่คนที่เป็นวัยรุ่น เป็นอาการของกลางวันง่วงกลางคืนกระปรี้กระเปร่า สิ่งเหล่านี้ถ้าหากเรานอนไม่พอจะส่งผลให้สุขภาพของร่างกายเราเสื่อมโทรมลงเล่นเรื่อยๆและอันตรายถึงชีวิตในที่สุด
อาการร่าเริงนี้กลางวันง่วงนอนอย่างมากๆสมองก็ตื้อทำอะไรก็ไม่ถูก หงุดหงิดง่ายอ่อนเพลียอ่อนแรงจนไม่อยากทำอะไร ผิดกับสภาวะในช่วงกลางคืนร่างกายจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาคิดอะไรออกในช่วงกลางคืนมากกว่ากลางวัน
โรคร่าเริง มักพบในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ผิดจากปกติเวลานอนไม่นอน เวลาตื่นไม่อยากตื่น อดหลับอดนอนเป็นประจำ โดยเฉพาะวัยรุ่นติดแชท ติดเน็ต ติดอยู่กับจอคอมพิวเตอร์และมือถือ ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์ ทำให้นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยน ยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งกระทบชีวิตประจำวัน และสุขภาพที่เสี่ยงโรครุมเร้า
วิธีหลีกเลี่ยงไม่ถูกโรคร่าเริงเล่นงาน ต้องปรับพฤติกรรมเข้านอนเป็นเวลา และตื่นนอนแต่เช้า ไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตรงต่อเวลา เพื่อสะสมการนอนให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า 6 – 8 ชั่วโมง ยิ่งในเด็ก ที่ต้องการเวลานอนพักผ่อนมากกว่า 8 ชั่วโมง
ตัดใจจากแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ที่มีแสงพุ่งจากจอ รบกวนการนอนหลับ และกระตุ้นให้ไม่ง่วงนอน อีกทั้งต้องงดดื่มชากาแฟ และ น้ำอัดลม จัดสภาพแวดล้อมการนอนไม่ให้มีแสงรบกวน เงียบ อากาศเย็นโล่งโปร่งสบาย
จัดระบบชีวิตใหม่ซะ เสริมสร้างภูมิต้านทาน “โรคร่าเริง”
– ตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเดิมๆทุกๆวัน เพื่อสร้างความเคยชิน แต่ไม่ใช่ว่าปลุกตอนเที่ยงหล่ะ
– หลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล เพิ่มเนื้อสัตว์ในมื้อกลางวัน เพราะแป้งและน้ำตาลนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้สมองหลั่งสาร เซโรโทนิน มากเกินไปซึ่งทำให้ง่วงนอน
– ออกกำลังกายแบบง่ายๆ บ่อยๆ เช่น การเดิน การแกว่งแขน หรือออกกำลังกายอย่างจริงจังทุกวัน
– ฟังเพลงระหว่างวัน เพื่อเพิ่มความตื่นตัวแก้ง่วง
– จิบน้ำเปล่า ทำให้สมองแล่น เพราะน้ำเป็นตัวลดความหนืดของเลือด ทำให้ไม่ง่วงนอน
– นำผลมะกรูด คลึงกับพื้นมาวางไว้ข้างหมอน ทำให้หลับสบาย ตื่นมาแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
– การอดหลับอดนอน ทำงานเพื่อให้ได้เงินทอง แต่กลับต้องใช้เงินทองนั้นซื้อสุขภาพคืน แถมยังจ่ายแพงกว่าอีกด้วย เสียทั้งเงินทั้งเวลา และสุขภาพ ลองคิดดูดีๆ ว่า ที่กำลังทำอยู่น่ะมัน “คุ้ม” หรือไม่ ?
ขอขอบคุณ : ข่าวช่อง 7