บอกสูตรความอร่อย ข้าวเหนียวดั้งเดิม ทำสร้างอาชีพได้เลย
วันนี้เราจะมาบอกสูตรความอร่อย ที่ทุกท่านสามารถจะเก็บเอาไว้ทำกินหรือทำขายสร้างเป็นอาชีพรายได้เสริมก็ดี กับการทำข้าวเหนียว ห มูฝอย ที่เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้มีขายอยู่ตามร้าน ที่มักจะมีเมนูให้เลือกอย่างหลากหลาย บวกกับมีข้าวเหนียวที่หอมร้อนๆ ทานคู่กันก็อร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี เราได้มีสูตรความอร่อยแบบดั้งเดิมมาแจกให้กับเพื่อนๆได้ทำตามกันได้ไม่ยาก
และในสูตรนี้เป็นสูตรการทำข้าวเหนียวห มูฝอยแต่จะใช้เวลาที่ค่อนข้างนานนิดนึง แต่รับรองว่าเมื่อเราผัดเสร็จแล้วนำมาทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ รับรองว่าอร่อยถูกใจกันได้ทั้งครอบครัว
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
1 เนื้อ ห มูส่วนสะโพก (เพราะจะฉีกเป็นเส้นได้ค่ะ)
2 หอมแดง (หั่นผึ่งลมไว้ก่อน ค่อยนำไปเจียวค่ะ)
3 ดอกเกลือ
4 น้ำตาลโตนด
5 ซีอิ๊วขาว
6 ซอสถั่วเหลือง
7 น้ำมันรำข้าว
8 น้ำมันงา
วิธีทำ
1 เราจะเริ่มด้วยการนำ ห มูมาล้างทำความสะอาด จากนั้นทำการต้ม ห มูโดยใส่เกลือลงไปในน้ำต้มด้วย ทำการต้มเป็นเวลานาน 1 ชม. ให้เราต้มแบบเป็นก้อนเพราะจะได้ลักษณะเส้นยาวๆ เมื่อครบเวลาให้เราพักวางเอาไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำและเย็นตัวลง
2 ให้เรานำมาฉีกเป็นเส้นๆ โดยเราจะทำการทุบๆก่อน เพื่อที่จะให้ฉีกได้ง่ายขึ้น
3 ทำการเจียวหอมให้มีความหอมและมีความกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้คลายความร้อน เพื่อที่จะได้มีความกรอบที่มากขึ้น
4 ใส่น้ำตาลโตนด ดอกเกลือลงไปในน้ำมันที่เราทำการเจียวหอม คนให้น้ำตาลละลาย จากนั้นเติมน้ำ ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง ทำการเคี่ยวไปเรื่อยๆให้มีความข้นเล็กน้อย
5 ใส่ ห มูที่เราฉีกเอาไว้ลงไปผัดในกระทะ ผัดเรื่อยๆโดยเราจะใช้ไฟระดับอ่อน พอเริ่มแห้งให้เราใส่น้ำมันงาลงไป คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดี ทำการผัดต่อไปเรื่อยๆจนแห้งดี อาจจะใช้เวลาสักเล็กน้อย เมื่อแห้งดีแล้วให้เรายกลงจากเตาพักไว้ให้เย็นตัว ตามด้วยการใส่หอมเจียวที่เราได้เจียวเอาไว้กรอบๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
6 สำหรับใครที่ชอบแบบอบกรอบหน่อย หลังจากที่เราผัดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยให้เรานำไปอบบนไฟ 170 องศาเป็นเวลานาน 20 นาที เมื่อครบเวลาก็เอาออกจากเตาแล้วพักเอาไว้ให้คลายความร้อน จะได้ความกรอบที่เพิ่มมากขึ้น
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จกับการทำเมนูข้าวเหนียว ห มูฝอย ส่วนผสมนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรสชาติที่ต้องการ ใครชอบเค็มชอบหวานมากหวานน้อยก็เลือกใส่กันได้ ลองนำสูตรนี้ไปทำตามกันดูนะคะ จะได้รสชาติที่อร่อยถูกใจกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Supaporn Kumnodnae