“วิธีประหยัดเน็ตขั้นเทพ…เล่นเท่าไหร่ก็ไม่หมด” สำหรับ Android และ IPhone!! ใครใช้ยี่ห้อไหนอยู่ รีบเช็คเลย!
ในแต่ละเดือน เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจพบกับปัญหากับดาต้าเน็ตไม่พอใช้ เมื่อถึงขีดจำกัดโปรโมชั่นที่ซื้อไว้ (FUP) ก็จะพบกับความเร็วที่แสนจะเชื่องช้า ทำให้อาจต้องขยับแพ็กเกจให้ราคาสูงขึ้นไปอีก เป็นเรื่องที่ไม่ควรเสียเงินเลยใช่ไหมล่ะถ้าเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับวิธีที่จะประหยัดดาต้าที่วันนี้เราจะนำมาให้ทดลองปรับใช้กันดูครับ
1. ใครใช้บราวเซอร์ Chrome ประหยัดได้อีก
ขั้นแรกเปิด Chrome แล้วไปที่ Setting
จากนั้นไปที่ Data Saver
เลื่อนเปิดได้เลย
เมื่อเพื่อน ๆ เปิดแล้วและได้ใช้งานไปซักระยะหนึ่ง จะพบว่าประหยัดไปได้เท่าไรจากด้านล่างเลย
2. หากใครฟังเพลงแบบ Streaming ลดคุณภาพลงซักนิดนึงก็ดี
คงมีหลาย ๆ คนยังติดใจฟังเพลงสตรีมอย่างเช่น JOOX , Line Music หรือ Deezer เนื่องจากประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูล และยังได้อัพเดตเพลงใหม่ ๆ แต่นั่นก็ทำให้ดาต้าอินเทอร์เน็ตของเพื่อน ๆ หมดเร็วขึ้นเป็นเงาตามตัว เราจึงขอแนะนำวิธีประหยัด นั่นก็คือลดคุณภาพเสียงลงไปอีกซักนิด แต่ก็ทำให้ประหยัดดาต้าได้มากเลย
เริ่มจากไปที่ตั้งค่า ( สำหรับ JOOX )
เลือกที่คุณภาพต่ำสำหรับ 3G / 4G จะเห็นว่าปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตน้อยกว่าแบบสูงถึง 10 เท่า หรือถ้าเทียบกับแบบ Medium สำหรับ 3G / 4G ก็ยังใช้ปริมาณข้อมูลน้อยกว่า 3 – 4 เท่า คิดง่าย ๆ ก็ฟังเพลงแบบคุณภาพต่ำ 4 เพลง เท่ากับฟังเพลงแบบคุณภาพปานกลางเพลงเดียวครับ
แต่ส่วนตัวผมก็แนะนำให้เลือกคุณภาพแบบปกติก็น่าจะโอเคกว่า คาดว่า Bit Rate เมื่อเทียบกับไฟล์ MP3 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 192 Kbps
ส่วนใน Youtube ก็ไปตั้งค่าให้ Stream HD เฉพาะ Wi-Fi ก็ดีนะครับ ไม่อย่างนั้นดูคลิปทีนึงนี่เน็ตลดฮวบ ๆ แน่นอน
3. แอป Facebook ตัวเปลืองเลย
เพื่อน ๆ ที่เล่น Facebook ก็คงดาวน์โหลดเป็นแอปพลิเคชั่นมาใช้เลยเนื่องจากใช้สะดวกกว่า แต่นั่นก็ทำให้เปลืองดาต้าค่อนข้างมาก เนื่องจากตัวแอปนั้นคอยดึงข้อมูลอยู่ถี่มาก และรูปที่ดาวน์โหลดยังมีคุณภาพสูงพอสมควร ดังนั้นเรามีแอปพลิเคชั่นมาทดแทน นั่นก็คือ Facebook Lite ซึ่งใช้ดาต้าน้อยกว่า และยังประหยัดแบตเตอรี่กว่า Facebook ตัวปกติอีกด้วย
อีกหนึ่งวิธีประหยัดอินเทอร์เน็ตสำหรับคนใช้ Android เฉพาะบนเครือข่าย TrueMove H เท่านั้น สามารถใช้ Facebook ประหยัดค่าเน็ตยิ่งขึ้น ไม่แสดงรูปภาพและวีดีโอ แต่ยัง Like, Comment ได้ตามปกติ อ่าน Status ได้ตามปกติ
4. Sync เท่าที่จำเป็นก็พอ
เพื่อน ๆ อาจมองข้ามในจุดนี้ไป เพราะนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่คอยดึงดาต้าอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าแอปไหนเราไม่ต้องการอัพเดตตลอดเวลาก็ปิดไปได้เลย
เริ่มจากเข้าเมนูการตั้งค่า แล้วไปที่ Accounts & sync
หากเพื่อนเลือกที่จะเปิดแบบอัตโนมือ ก็ติ๊กเครื่องหมายที่ Auto-sync ออกได้เลย แต่ถ้าหากไม่ต้องคอยเปิด ๆ ปิด ๆ ก็เลือกเอาไว้เท่าที่จำเป็นก็ได้นะ โดยเข้าไปที่ Google
จากนั้นเลือกปิดตามที่ต้องการได้เลยครับ
5. Background data แค่ปิดก็ประหยัดได้
นี่ก็เป็นอีกส่วนที่คอยเขมือบดาต้าของเราแบบเงียบ ๆ หากเราปิดก็จะช่วยประหยัดได้ทั้งแบตเตอรี่และดาต้าเลย
เริ่มจากไปที่การตั้งค่า เลือก Mobile data หรือบางเครื่องอาจเป็น Data Usage นะครับ
จากนั้นไปที่เมนู แล้วติ๊กเครื่องหมายถูกหลัง Restrict background data ออก
แล้วกดยืนยันได้เลย
6. มีเพลงโปรดอยู่ในใจ ดาวน์โหลด Offline เก็บไว้ในเครื่องเลย
หากเพื่อน ๆ ชอบฟังเพลงเดิม ๆ อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ดาวน์โหลดเก็บไว้ในเครื่องก็ช่วยประหยัดดาต้าได้แน่นอนครับ เพราะจะได้ไม่ต้องเปิด 3G ฟังให้เปลือง แต่เวลาโหลดแนะนำให้โหลดผ่าน Wifi นะ เน็ตจะได้ไม่ไหล เพราะเพลงที่ดาวน์โหลดลงเครื่องก็จะมีขนาดไฟล์ประมาณ 5 – 6 MB ต่อเพลง
หากเพื่อน ๆ ได้ลองทำตามทั้ง 6 วิธีแล้วเชื่อได้เลยว่าต้องประหยัดดาต้าลงไปได้พอสมควร บางทีอาจไม่ต้องถึงขั้นขยับแพ็กเกจให้เปลืองเงินในกระเป๋าเลย แถมยังประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วยนะ
วันนี้ขอรวมเทคนิคการประหยัดอินเตอร์เน็ตบน iPhone ที่ผมใช้งานอยู่เป็นประจำมาให้ชมกันเพราะเห็นหลายคนบ่นว่าเน็ตหมดเร็วมากยิ่งคนที่สมัครแพ็คเกจเน็ตไม่ถึง 1GB ใช้งานแป๊บเดียวก็หมดแล้ว มาแนวทางการประหยัดเน็ตกันครับ
1. ปิด Wi-Fi Assist
Wi-Fi Assist เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ iPhone สลับมาใช้งาน Cellular data ทันทีหากพบว่าสัญญาณ Wi-Fi ที่เรากำลังเชื่อมต่อนั้นอ่อนลง บางทีพบว่ามันฉลาดจนเกินไปที่สลับมาใช้ 3G ตลอดดังนั้นเน็ตจึงหมดเร็วเกินไปนั่นเอง
2. เลิกดาวน์โหลดหรืออัปเดตแอปพลิเคชันบน App Store ด้วย 3G หันไปโหลดผ่าน Wi-Fi เท่านั้น
เพราะว่าแอปแต่ละตัวนั้นขนาดไฟล์ค่อนข้างใหญ่ยกตัวอย่างเช่น Facebook และ Facebook Messenger ดาวน์โหลด 2 ตัวรวมกันก็เกือบ 200MB แล้ว คิดดูถ้าคุณซื้อเน็ตรายเดือนแค่ 750MB จะโหลดได้กี่ตัวกันมันก็หมดเร็วจริงมะ
เรื่องอัปเดตแอปก็เช่นกันเลยถ้าไม่จำเป็นอัปเดตตอนใช้งาน 3G อยู่ก็รอก่อนได้ กลับบ้านไปหรือเข้าออฟฟิตค่อยต่อ Wi-Fi แล้วโหลดก็ได้เช่นกัน วิธีนี้ช่วยได้เยอะครับ
พร้อมกันนี้ก็อย่าลืมยกเลิกการอัพเดทอัตโนมัติด้วยนะ เพราะหากเปิดเมนูนี้ไว้เมื่อแอปเวอร์ชันใหม่ออกมามันก็จะโหลดให้คุณเองโดยอัติโนมัติกินเน็ตเปลืองโดยใช่เหตุ
3. ใช้ Google Chrome ในการท่องเว็บ
เว็บบราวน์เซอร์มีฟีเจอร์ Data Saver ให้ใช้ด้วยพบว่าสามารถช่วยลดอัตราการดาวน์โหลดข้อมูลมาแสดงได้มากถึง 50%
วิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวไปที่
Menu> Settings> Bandwidth
เลือก Pre-load Web Pages ให้เป็น Only Wi-Fi และแตะไปที่ Data Saver ตั้งค่าให้เป็น ON
จากนั้นทดสอบเปิดหน้าเว็บต่างๆ ผ่าน Chrome ดูจะพบว่าข้อมูลจะถูกดาวน์โหลดมาน้อยกว่ามาก ประหยัดได้อีกต่อ
4. ปิด Background App Refresh
ฟีเจอร์ Background App Refresh ทำหน้าที่ดึงข้อมูลต่างๆ อยู่เบื้องหลังแม้เราไม่ได้เปิดแอป บางทีมันก็เปลืองทั้งแบตและดาต้าด้วย ถ้าไม่จำเป็นขนาดนั้นแนะนำให้ปิดเลยครับ ผมก็ปิดอยู่ก็ไม่กระทบอะไร(แต่บางแอปต้องเปิดไว้เราก็เลือกเปิดเฉพาะบางแอปที่จำเป็นเท่านั้นครับ)
วิธีปิด Background App Refresh
Settings> General> Background App Refresh
การตั้งค่า> ทั่วไป> การดึงข้อมูลเบื้องหลัง
5. ฟังเพลงออฟไลร์ด้วย Joox Music หรือ Apple Music
ยอมรับว่าการฟังเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่งนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สะดวก อยากฟังเพลงไหนก็ค้นหาแล้วก็เปิดได้เลยไม่ว่าจะผ่าน Apple Music, JOOX music หรือบริการอื่นๆ
แต่ทว่าเพลงเหล่านั้นทุกครั้งที่เปิดมันจะกินดาต้าของเราไปยิ่งเลือกให้เล่นคุณภาพเสียงดีก็ยิ่งเปลืองดาต้ามากเท่านั้น
ดังนั้นแนะนำว่าเพลงไหนที่ฟังบ่อยๆ หรือที่อยากจะฟังก็ดาวน์โหลดเอาไว้ให้ฟังแบบออฟไลน์ไว้เลยด้วยการต่อกับ Wi-Fi ที่บ้านเสียก่อน พอออกไปข้างนอกก็ฟังจากที่โหลดเก็บไว้ เท่านี้ดาต้าของเราก็จะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นได้ครับ
6. ดูวิดีโอผ่าน Facebook และ YouTube ให้น้อยลงและปิดการเล่นวีดีโอแบบออโต้
เพราะวีดีโอนั้นมีทั้งภาพและเสียงมาพร้อมกันและเนื้อหานั้นใหญ่ดาวน์โหลดทีเปลืองเน็ตค่อนข้างมาก ฉะนั้นพยายามเลี่ยงการดูคลิปผ่าน 3G โดยเฉพาะซีรีย์ยาวๆ หรือละครย้อนหลังเพราะดูไม่กี่ตอนเน็ตที่คุณมีอาจจะหมดไปอย่างรวดเร็วก็ได้
7. มองหาฟรี Wi-Fi ถ้าเป็นไปได้
แต่ละเครือข่ายอย่าง TrueMove H, AIS, dtac, 3BB แต่ละค่ายนั้นมี Wi-Fi Hotspot อยู่หลายที่โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพซึ่งไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนๆ ก็มี Wi-Fi ให้ใช้
เราสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีจากผู้ให้บริการตามแพ็คเกจที่เรามีได้(ลองสอบถามไปยัง Call Center ของแต่ละผู้ให้บริการ) เช่นผมใช้ iSmart 899 ของ TrueMove H อยู่ผมสามารถใช้ Wi-Fi ฟรีของ TrueWiFi ได้อย่างไม่จำกัด ดังนั้นเมื่อผมต้องการโหลดไฟล์ใหญ่หรือดูคลิปเป็นต่อยาวๆ ผมก็ต่อเข้า Wi-Fi แทนการใช้ 3G
หรือถ้าแพ็คเกจมือถือของเราใช้ Wi-Fi ไม่ได้ ก็มองหา Wi-Fi ฟรีของสาธารณะก็ได้ซึ่งบางที่จะพอมีให้ใช้อยู่บ้างก็เลือกเอาตามกาลนะครับ
ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานง่ายๆ ในการที่จะช่วยให้เราประหยัด 3G ได้อย่างง่ายๆ นะครับ ลองเอาไปใช้ดูหากใครมีเทคนิคเสริมต่างๆ ก็แชร์กันได้ครับ เปิดกว้างสำหรับความเห็นและช่วยแนะนำไปด้วยกัน
รับชมคลิปได้ที่นี่เลยครับ เอามาฝากกัน
ขอขอบคุณ : ax.chicvariety