เคล็ดลับ “การกำจัดหนู” ที่เข้ามากัดสายไฟในกระโปรงรถยนต์จนขาดวิ่น ได้ผลชัวร์ 100%
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจพฤติกรรมของหนูกันก่อนเพื่อที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากที่หนูได้กลิ่นอาหารหรือเศษขนมที่เราทำตกในรถ หรือบางครั้งอาจจะต้องการสถานที่ที่อบอุ่นในการทำรัง จึงใช้บริเวณห้องเครื่องรถยนต์เป็นที่อยู่อาศัย ต่อจากนั้นก็มาดูกันดีกว่าว่าเราจะกําจัดหนูในรถ และทำให้เครื่องยนต์ของเราปลอดภัยจากหนูได้อย่างไรบ้าง
1. กำจัดแหล่งอาหารของหนู
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มีหนูเข้ามาอยู่ในรถ ก็เนื่องมาจากการที่มีแหล่งอาหารนั่นเอง ซึ่งอาจเป็นเศษขนมที่เราทำหล่นไว้ในรถ ขนมที่เราเก็บติดรถไว้กิน หรือการที่เราตั้งถังขยะไว้ใกล้ที่จอดรถ ซึ่งจะดึงดูดให้หนูเข้ามาหาอาหาร และแอบเข้ามาอยู่ในรถของเรา ดังนั้นหลีกเลี่ยงการเอาขนมหรืออาหารไปกินในรถเพราะอาจเผลอทำหล่นจนล่อตาล่อใจหนู หมั่นทำความสะอาดรดและบริเวณที่จอดรถของเรา ถ้ามีถังขยะสดอยู่บริเวณใกล้ๆ ก็ให้มัดฝาถุงให้มิดชิด และแหล่งน้ำขังต่างๆ บริเวณใกล้ๆ ก็ควรเททิ้งหรือกวาดให้แห้ง เพื่อเป็นการกำจัดแหล่งอาหารและน้ำของหนูนั่นเอง
2. ทำความสะอาดรถและบริเวณรอบๆ
การดูแลรักษาความสะอาดของรถและบริเวณที่จอดรถก็สำคัญ โดยรถของเราตอนที่ทำความสะอาดก็ล้างภายนอก ดูดฝุ่น เช็ดฝุ่นและเก็บเศษขยะต่างๆ ในในห้องโดยสารออกให้หมด และเช็ดด้วยน้ำยาให้สะอาดเอี่ยม ส่วนห้องเครื่องก็เปิดฝากระโปรงทำความความสะอาดเป็นประจำ ถ้าทำไม่เป็นก็ค้นหาวิธีทำความสะอาดห้องเครื่องในอินเทอร์เน็ตเลย หรือถ้าไม่อยากเปลืองแรงก็ไปใช้บริการกับคาร์แคร์ที่เค้าทำความสะอาดห้องเครื่องด้วยก็ได้ สะดวกดีด้วย
3. หาของสารพัดสิ่งที่หนูเกลียดมาวางไว้
หนูมีจมูกที่ดีและส่งกลิ่นฉุน ๆ แต่ก็ต้องรับผลข้างเคียงที่จะมีกลิ่นเหล่านี้ติดเข้ามาในรถด้วย เช่น
– ทาน้ำมันก๊าดในห้องเครื่อง ข้อควรระวังคือน้ำมันก๊าดจะกัดวัสดุที่เป็นยาง วิธีทำคือนำแปรงสีฟันเก่ามาจุ่มและทาบางพื้นที่เลียงไม่ให้โดนซีลยาง
– วางลูกเหม็น วิธีที่ดีคือนำลูกเหม็นใส่ตาข่ายตาถี่ ๆ มัดวางไว้เป็นจุด ๆ ก่อนเราใช้รถก็หยิบออก
– ยาไล่หนู ขอบอกว่ามีเพียบในตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งของนอก ของไทย แบบเม็ด แบบแผ่นแปะ หรือเป็นน้ำยา ก็เลือกมาใช้ได้แต่เช็กเรื่องกลิ่นกันหน่อยก็ดี
4. เลี้ยงแมวไว้ไล่หนู
วิธีกําจัดหนูโดยให้แมวช่วยนั้นเป็นเรื่องที่เราต่างรู้กันมานานแล้ว เพราะหลายคนนอกจากจะเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อน ก็ยังได้ประโยชน์จากการที่แมวช่วยไล่จับหนูอีกด้วย ซึ่งตามสัญชาติญาณแล้วหนูจะกลัวและไม่ชอบแมว เมื่อได้กลิ่นของแมวหนูก็จะไม่อยากเข้ามาใกล้บริเวณบ้านคุณเลยหล่ะ รถของคุณก็จะปลอดภัยจากหนูได้ในระดับหนึ่ง
5. ไล่หนูด้วยกลิ่นแมว
ถ้าที่บ้านของคุณไม่เลี้ยงแมว ก็ไปขอผ้าที่ปูพื้นให้แมวนอนจากบ้านเพื่อนที่เลี้ยงแมว หรือเราอาจจะเอาเศษผ้าไปฝากให้แมวนอนที่บ้านเพื่อนก็ได้ กลิ่นแมวก็จะติดอยู่ที่ผ้า เราก็เอาผ้าที่ได้นี้ใส่ไว้ในห้องเครื่องรถในช่วงกลางคืนหรือตอนที่ไม่ได้ใช้รถนานๆ แล้วปิดฝากระโปรงรถดังเดิม กลิ่นแมวจะทำให้หนูไม่เข้ามาใกล้รถของเรา แต่ตอนที่เราจะใช้รถต้องอย่าลืมเอาผ้าออกเด็ดขาด มิฉะนั้นผ้าอาจจะไปพันกับสายพานต่างๆ ได้ ทางที่ดีควรทำป้ายกระดาษแข็งมาเขียนหรือหาป้ายมาแขวนไว้ที่ประตูรถด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์เตือนกันลืมเอาผ้าออกให้กับเราทุกครั้ง เมื่อดูแล้วว่าหนูได้หนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราก็ไม่ต้องเอาผ้ากลิ่นแมวใส่แล้ว
6. เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้
เมื่อคุณขับรถกลับมาจอดที่โรงรถที่บ้านแล้ว ก็เปิดฝากระโปรงหน้ารถทิ้งไว้ทั้งคืน แสงไฟจากโรงรถที่เราเปิดทิ้งไว้ทั้งคืนจะสว่างจนหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย และไม่อยากจะมาทำรังหรืออยู่อาศัยที่ห้องเครื่อง หรือบางคนก็เอาไฟกระพริบที่ไว้ติดรถจักรยาน มาติดที่ใต้ฝากระโปรงรถแล้วเปิดไฟกระพริบทิ้งไว้ ก็ได้ผลดีเหมือนกันค่ะ วิธีเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้แบบนี้ ควรทำในกรณีที่คุณมีที่จอดรถแบบมีหลังคาและอยู่ในสถานที่ปลอดภัยเท่านั้น
7. วางงูยางไว้ใต้รถ
วิธีนี้เราจะทำให้หนูกลัวจนไม่กล้าเข้ามาใกล้รถคุณค่ะ โดยหาซื้องูยางมาวางไว้ใต้รถ เมื่อหนูเห็นก็จะกลัว แต่วิธีนี้เราต้องเปลี่ยนงูทุกสองสามวัน หรือหนึ่งสัปดาห์เพื่อไม่ให้หนูเกิดความเคยชินจนไม่กลัวงูยางขึ้นมา นับว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างสิ้นเปลืองนิดนึง แต่ถ้าที่บ้านมีงูยางอยู่แล้ว ซึ่งคุณอาจเคยซื้อมาเล่น ก็ลองเอามาวางไว้ใต้รถเพื่อไล่หนูออกไป
8. ใช้ชุดอลูมิเนียมป้องกันหนู
เดี๋ยวนี้เขามีการผลิตชุดอลูมิเนียมป้องกันหนูเข้ารถออกจำหน่ายด้วย โดยแผ่นอลูมิเนียมจะวางตั้งล้อมรอบรถเอาไว้ สูงประมาณ 60 เซนติเมตรขึ้นไป ซึ่งหนูจะไม่สามารถปีนข้ามแผ่นอลูมิเนียมเข้ามาได้ มีประตูเปิด-ปิด สำหรับเอารถเข้า-ออก ซึ่งก็สามารถป้องกันหนูไม่ให้เข้ามาสู่ตัวรถได้
9. ใช้แอมโมเนียไล่หนู
สำหรับแอมโมเนียเราก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เมื่อได้แล้วก็เอามาเทใส่กระป๋องหรือถ้วยเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้ว เอาไปวางไว้แถวๆ บริเวณที่จอดรถยนต์ หนูไม่ชอบกลิ่นแอมโมเนียก็จะพากันหนีไปอยู่ที่อื่น
10. ใช้กาวดักหนู
เมื่อเราซื้อกาวดักหนูมาแล้วและทากาวบนถาดพร้อมแล้ว ก็หาฝาขวดน้ำอัดลมมาวางตรงกลาง แล้วเอาเมล็ดฟักทองหรือเมล็ดทานตะวันใส่เข้าไป ทำแบบนี้ประมาณ 3-4 อันแล้วเอาวางรอบๆ รถ เมื่อหนูได้กลิ่นเมล็ดฟักทองก็จะวิ่งเข้ามาติดกับกาวดักหนู
11. ใช้กรงดักหนู
วิธีนี้แค่เราไปหาซื้อกรงดักหนูมา แล้วก็หาเหยื่อล่อหนูมาใส่ไว้ อาจจะใช้หัวปลาทู ปูนาย่าง ปลาย่าง กล้วยสุก หอยปิ้ง หรือข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนแล้วเอาไปย่างให้หอม เหล่านี้ใช้ล่อหนูให้เข้ามาติดกับดักได้ดีเลยหล่ะ แล้วก็เอากรงไปวางไว้บริเวณที่เราจอดรถ เมื่อหนูมาติดกรงแล้วก็เอาไปปล่อยให้ไกลจากบ้านมาที่สุด และอย่าเอาไปปล่อยใกล้บ้านคนอื่นหล่ะเดี๋ยวเขาจะเดือดร้อน ควรปล่อยในที่รกร้างห่างใกล้บ้านคน
12. ปิดใต้ท้องรถให้สนิท
วิธีนี้เปลืองเงินมากหน่อยแต่ก็ได้ผลดีทีเดียว ในรถบางรุ่นก็เก็บใต้ท้องรถดี ไม่มีช่องพอให้หนูมุดเข้าแน่นอน ลองไล่เช็กแผ่นใต้รถดูว่าติดจุดยึดครบทุกจุด หรือมีขาดก็เปลี่ยนเสีย หรืออีกวิธีคือเข้าร้านประดับยนต์ ถามหาแผ่นปิดใต้ท้องรถของแต่งสำหรับขาซิ่งทั้งหลาย ประโยชน์หลักคือเพิ่มค่าอากาศพลศาสตร์ของรถให้ดีขึ้นโดยการควบคุมอากาศให้ไหลผ่านใต้ท้องรถได้ดี และประโยชน์รองก็คือปิดหนูเข้าห้องเครื่องได้
13. ย้ายที่จอดรถ
ถือว่าเป็นการยอมแพ้เพื่อชนะ เพราะถ้าคุณไม่สะดวกเลี้ยงแมว หมดลูกเหม็น หนูมาใหม่ กำจัดเท่าไหร่หนูก็ไม่หมด จอดรถหน้าบ้านก็ย้ายมาจอดในบ้านเสียจะได้ควบคุมได้ หรือมีพื้นที่จอดในบ้านเยอะ ปรับตำแหน่งจอดให้ห่างท่อ ห่างครัว ห่างถังขยะ ก็ลดความเสี่ยงลงได้เยอะเลย
อย่างไรก็ตาม แน่อนว่าการป้องกันและกำจัดหนูในห้องเครื่องรถ หนูเข้ารถยนต์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหนูชุดใหม่สามารถแวะมาเยี่ยมเยือนได้เรื่อย ๆ ถ้าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ทางที่ดีเรามารักษาความสะอาดรอบ ๆ บ้าน รอบ ๆ ที่จอดรถให้ดีจะได้ปลอดหนูอย่างยั่งยืน
ขอขอบคุณ : tsood