น้ำมันมะพร้าว สุขภาพดี พร้อมการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาวิธีที่จะทำให้สุขภาพดีและแข็งแรง อายุมากขึ้นแล้วยังรู้สึกมีเรี่ยวมีแรง ลุกเดินไปไหนได้มาไหนได้สะดวกโดยไม่รู้สึกเจ็บเอวเจ็บหลัง แนะนำเลยว่าให้ดื่มน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ แล้วจะพบกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น วิธีการทำ ทำตามขั้นตอน
หลายคนคงเคยสงสัยกันใช่ไหมว่า เหตุใดทำไมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นถึงราคาแพง อยู่ในแพคเกจสวยๆ ตามห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เขามีวิธีการทำขั้นตอนอย่างไร แล้วเราสามารถทำเองได้ไหม ต้องตอบหรือว่าเราสามารถทำเองได้ตามสูตรนี้เลย
1 ให้นำเนื้อมะพร้าวแก่นำมาขูดเองหรือว่าซื้อมาก็ได้ เราจะใช้เนื้อมะพร้าว 1 ส่วนและน้ำ 1 ส่วน คั้นเอาน้ำแล้วก็นำไปอุ่น หลังจากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง แนะนำว่าให้เทลงในภาชนะใสเพื่อที่จะมองเห็นการแยกชั้นของน้ํามะพร้าวได้ชัดเจน หลังจากนั้นก็ปิดฝาตั้งไว้ในห้องตามอุณหภูมิบ้านปกติ
(ถ้าซื้อหัวกะทิมาโดยไม่ผสมน้ำจากแม่ค้าที่ขายให้เทหัวกะทิใส่ในภาชนะใสแล้วก็เติมน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนลงไปก็ได้ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วก็ปิดฝาพักเอาไว้สัก 8-9 ชั่วโมงจะมองเห็นการแยกชั้นที่ชัดเจน)
2 มองจากทางด้านบนชั้นที่ 1 จะเป็นชั้นฝ้า ชั้นที่ 2 จะเป็นชั้นน้ำมันใส ชั้นที่ 3 จะเป็นตัวครีมโปรตีนของกะทิ ชั้นที่ 4 จะเป็นชั้นน้ำสำหรับหมัก ชั้นที่ 5 จะเป็นโปรตีน (ถ้าครบ 18 ชม.ลืมกรองหรือไม่ว่างกรองก็ไม่เป็นไร วางไว้ที่เดิมตัวน้ำมันจะคงที่ไม่เป็นไรแต่อย่าให้นานเกิน)
เมื่อแยกชั้นดีแล้วเตรียมภาชนะกรอง โดยใช้ผ้าขาวบางพับ 6-8 ชั้น มากชั้นน้ำมันยิ่งใส วางบนกระชอนหรือที่กรองมีภาชนะรองด้านใต้
(ถ้าหมัก 9 ชั่วโมงแล้วไม่เกิดน้ำมันใส ให้ตักครีมกะทิชั้นบนทั้งหมดเคี่ยวไฟอ่อนแบบโบราณ ก็จะได้น้ำมันใส คุณประโยชน์เหมือนกันแต่กลิ่นหอมกว่า สกัดเย็น)
3 เปิดฝ้าตักน้ำมันใสใส่บนผ้าขาวบาง ในส่วนที่คิดว่าไม่มีน้ำติดขึ้นมานี้เมื่อกรองเสร็จ ใช้ได้ทันที แยกใส่ขวดไว้ต่างหาก ส่วนที่เหลือ ชั้น 3 บนน้ำก็ตักขึ้นกรอง ชึ่งจะตักง่ายจะแยกจากน้ำชัดเจน หรือจะตักพรัอมกันครั้งเดียวก็ได้ 3 ชั้นกรอง ห้ามคนหรือบี้ครีมปล่อยให้ค่อยๆหยดเอง เพราะจะทำให้น้ำมันขุ่น (น้ำใสออกขุ่น และโปรตีนกัมนอนก้น ทิ้งไปหรือทำปุ๋ย หรือทำน้ำส้มสายชู)
เมื่อน้ำมันหยดหมดแล้ว น้ำมันที่ได้ ทำการเอาน้ำออกจากน้ำมันที่มีติดมา ได้ 2 วิธี
– ยกน้ำมันใส่ตู้เย็น เมื่อน้ำมันแข็ง นำออกมา แล้วเจาะหรือดันก้อนน้ำมันขึ้นจะเห็นน้ำให้เอาทิ้งไป ถ้าน้ำมันมีน้ำปนอยู่จะขึ้นราดำ และเหม็นตึๆถึงแม้จะใส่ตู้เย็นก็ตาม ไม่ควรเก็บไว้หลายวันใช้ให้หมดเร็ว ถ้าเก็บไว้นานต้องทำวิธีที่ 2
– ทำการระเหยน้ำเพื่อไม่ให้น้ำมันเหม็นไม่ขึ้นรา และเก็บได้นาน โดย ตั้งหม้อน้ำรัอนให้เดือดเบาๆ วางตะแกรง (หรือใช้หม้อซึ้ง) แล้วนำน้ำมันที่ได้วางบนใช้ช้อนหรือทัพพีคนจะมีฟองอากาศเดือดปุดๆ คนไปมาจนไม่มีฟองอากาศปุด ก็ยกขี้น ตั้งวางไว้ สักพ้กน้ำมันใช้ได้ทันที
แต่ถ้าจะเก็บไว้นานๆให้ตั้งวางไว้ประมาณ 7 วัน น้ำมันที่ระเหยน้ำหมดสามารถเก็บได้นานมากกว่า 1 ปี ได้ปกติคงที่ จนแน่ใจว่าน้ำระเหยออกหมดแล้วโดยตั้งวางจนใส ค่อยบรรจุขวด เป็นของฝาก ของเยี่ยมคนไข้ได้ เพราะมีประโยชน์มากหลายอย่าง ต่อทุกคนทุกวัย
(กรณีทำแล้วน้ำมันยังขุ่นจากการระเหยน้ำ ให้ยกหม้อน้ำร้อนไปตั้งในกล่องโฟมหรือกระติกให้อุณหภูมิประมาณ 50 องศาฯ ยกน้ำมันไปวางคู่ก้บหม้อน้ำรัอนที่ปิดฝา รอจนน้ำมันใส ก็ใช้ได้หรือไม่ใสก็ใช้ได้เหมือนกัน)
สำคัญ
ส่วนที่อยู่บนผ้าขาวบางให้เทลงใส่กะทะ พร้อมบิดผ้าขาวบางที่มีน้ำมันลงในกะทะ เปิดไฟอ่อนที่สุด เคี่ยวคนไปมา อย่าให้ติดกะทะ จนเป็นน้ำมันใส พอเนื้อครีมกะทิเกรียมก็ปิดไฟ
พอน้ำมันเย็นก็เทกรองบนผ้าขาวบาง 3-4 ชั้น กรองให้ใสที่สุด และห่อกากน้ำมันบีบ น้ำมันออกให้หมด ก็จะได้น้ำมันอีกส่วนหนึ่ง ใช้ได้เหมือนกันแต่จะหอมมากขึ้น (การทำน้ำมันหน้าหนาวหากผ้าขาวบางแข็งให้ต้มผ้าแล้วค่อยซัก)
การเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันชนิดอื่น ๆ หากนำไปแช่ตู้เย็น ก็ยังคงสภาพเป็นของเหลว แต่สำหรับน้ำมันมะพร้าวนั้นสามารถแข็งตัวได้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ซึ่งวิธีการเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าวไม่ให้เสียเร็วก่อนวันหมดอายุ หรือ มีกลิ่นหืน ก็ควรจะบรรจุในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เก็บในอุณหภูมิห้อง และไม่ควรโดนแสงแดดกรณีนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นแล้วเป็นไข ก็สามารถทำให้ละลายได้โดยการอุ่นด้วยความร้อน
เรียบเรียงโดย : Postsod
ขอขอบคุณ : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าว, ชีวจิต