นี่คือเหตุผล!! ว่าทำไมต้องถึงต้องกินสับปะรดทุกวัน ประโยชน์ที่หลายคนไม่เคยได้รู้

0

นี่คือเหตุผล!! ว่าทำไมต้องถึงต้องกินสับปะรดทุกวัน ประโยชน์ที่หลายคนไม่เคยได้รู้

สับปะรด นับว่าเป็นผลไม้ไทยที่คนไทยนิยมทานกัน เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง อีกทั้งยังมีรสชาติที่อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากๆ เรามาดูกันว่าประโยชน์ของสับปะรดที่ว่ามานี้ มีอะไรบ้าง มาดูกัน

16 เหตุผลว่าทำไมต้องกินสับปะรด ทั้งที่หลายคนบอกว่ามันเป็นผลไม้บ้านนอก

1. เพิ่มพลังงาน สับปะรด ช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้อย่างที่คาดไม่ถึง เพราะในสับปะรด มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มระดับพลังงานได้เยี่ยมยอด

2. ลดริ้วรอย ชะลอวัย ทำให้ผิวขาว สับประรด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก สับประรด ช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน จึงช่วยในเรื่องการเกิดริ้วรอยทำให้ชะลอวัย ต้านความแก่ได้ดี บำรุงร่างกายและผิวพรรณ ต้องบำรุงจากภายในสำคัญกว่าภายนอก และยังช่วยลดการผลิตเมลานิน จึงมีส่วนช่วยทำให้ผิวคุณขาวขึ้นได้

3. ควบคุมน้ำหนักได้ การย่อยอาหารดีขึ้น ลดระดับคอเลสเตอรอล เนื้อของผลสับปะรด มีปริมาณเส้นใยสูง ปรับสมดุลระบบการย่อยอาหาร ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี สับปะรด ยังช่วยลดระดับของไขมันเลว (LDL) และทำให้ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

4. บำรุงดวงตา สับปะรด เป็นผลไม้ที่ดีสำหรับดวงตา สับปะรด มีวิตามินมากมาย และมีเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ที่ดีในการมองเห็น ทำให้ดวงตามีสุขภาพดีขึ้น

5. ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง การกินสับปะรด เป็นประจำ ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งบางชนิดได้ เพราะสับปะรด เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

6. ความจำดี บำรุงสมองของคุณ ถ้ารู้สึกหลงๆ ลืมๆ สับปะรด สามารถช่วยให้ความจำของคุณดีขึ้น เรียกได้ว่าสับปะรด เป็นอาหารของสมองเลย เมื่อใดที่รู้สึกว่าสมองเมื่อยล้า คิดอะไรไม่ออก หยิบสับปะรดมากิน จะช่วยให้สมองสดใสปิ๊งไอเดียใหม่ๆ ได้

8. ทำให้นอนหลับได้สบายมากขึ้น หากมีปัญหากับการนอนหลับ เป็นคนหลับยาก การกินสับปะรด อย่างสม่ำเสมอช่วยได้อย่างแน่นอน เพราะสับปะรดมีเมลาโทนินที่ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

9. ลดน้ำตาลในเลือด ป้องกัน-บรรเทาเบาหวาน สับปะรด ผลไม้สีสวย สีเข้มจนเกือบดำนี่เอง ที่มีสารแอนโธไซยานิน สรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน และบรรเทาอาการเบาหวาน

10. ป้องกันและรักษาโรคเกาต์ อาการข้ออักเสบปวดบวมตามข้อ กินสับปะรด ช่วยลดอาการปวดและบวม บรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี ป้องกันและรักษาโรคเกาต์ อาการข้ออักเสบปวดบวมตามข้อได้มากถึง 70% หากกินต่อเนื่องเป็นประจำ หรือปวดข้ออักเสบให้กินสับปะรด เข้าไปแทนการกินยา และสังเกตเลยว่ามันจริงหรือไม่

11. ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ สับปะรด มีสารโพแทสเซียมสูงมาก พอๆ กับกล้วย โพแทสเซียมมีคุณสมบัติช่วยลดและป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ เราทราบกันดีว่ากล้วยราคาถูกกว่าและมีโพแทสเซียมสูง แต่หลายคนไม่ชอบกินกล้วย สับปะรด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งได้

12. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ สับปะรด ถือเป็นผลไม้หรืออาหารที่ดีสำหรับหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ดูแลสุขภาพหัวใจของคุณให้แข็งแรงได้ด้วยการกินสับปะรด

13. ช่วยลดอาการอักเสบ หนึ่งในประโยชน์ด้านสุขภาพที่สำคัญที่สุดของสับปะรดคือ ช่วยลดอาการอักเสบได้ดี เหมาะสำหรับนักวิ่งและนักกีฬาที่อาจจะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือได้รับบาดเจ็บหลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักๆ กินสับปะรดช่วยได้จริงๆ

14. รักษาความปวดข้ออักเสบ สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ ที่กำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ให้ลองดื่มน้ำสับปะรด คั้นบริสุทธิ์ วันละ 3 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหาร 15 นาที จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดี

15. สับปะรดจะปลอดสารพิษตกค้าง เนื่องจากไม่มีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดศัตรูพืชแต่อย่างใด เพราะสับประรด เป็นพืชที่ปลอดจากศัตรูพืชทุกชนิด

16. บรรเทาอาการปวดประจำเดือน โพแทสเซียมในสับปะรด ช่วยลดและป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย ดื่มน้ำสับปะรด คั้นบริสุทธิ์ วันละ 3 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหาร 15 นาที จะช่วยบรรเทาได้

สิ่งที่ต้องรู้ในการบริโภคสับปะรด

ผู้บริโภคทั่วไป

– โดยทั่วไป การบริโภคสับปะรดจะปลอดภัยหากรับประทานในปริมาณที่พอดี หรือไม่เกินกว่าปริมาณที่แนะนำ

– สารโบรมีเลนในสับปะรดมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่อย่างไรก็ตาม สารนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการบริโภคได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ประจำเดือนมามากกว่าปกติ มีผดผื่นคันตามผิวหนัง

– การรับประทานสับปะรดมากจนเกินไปอาจทำให้มีอาการปากบวมหรือแก้มบวม ริมฝีปากหรือมุมปากอักเสบได้
การรับประทานน้ำสับปะรดที่ยังไม่สุกเต็มที่อาจทำให้อาเจียนอย่างรุนแรงได้

ผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

– ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร แม้ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่เพียงพอเกี่ยวกับอันตรายจากการรับประทานสับปะรดในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร แต่ผู้บริโภคควรระมัดระวังและรับประทานสับปะรดในปริมาณที่พอดีเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่อตนเองและทารก

– ผู้ป่วยภูมิแพ้หรือมีภาวะภูมิไวเกิน หากเป็นผู้ที่แพ้สารประกอบใด ๆ ในสับปะรด ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคสับปะรดและอาหารบางชนิด หรือหลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะเดียวกันได้ เช่น แครอท ข้าวสาลี ผักชีฝรั่ง ผักชีล้อม สารลาเท็กซ์ ละอองเรณูของต้นหญ้า เป็นต้น หรือหากผู้ป่วยไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานอาหารทุกครั้ง

– ผู้ป่วยผ่าตัด สารโบรมีเลนในสับปะรดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกทั้งในระหว่างการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด ดังนั้น ควรหยุดบริโภคสับปะรดและสารโบรมีเลนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด

ขอบคุณข้อมูลจาก : thaijobsgov , pobpad

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่