ประโยชน์ 13 ข้อ ของใบเตยช่วยในการรักษาโรค ลดความดันโลหิต แก้ปวดข้อ

0

ประโยชน์ 13 ข้อ ของใบเตยช่วยในการรักษาโรค ลดความดันโลหิต แก้ปวดข้อ

“ใบเตย” สมุนไพรชื่อคุ้นหูที่หาพบได้ง่ายทั่วไป แต่ใครจะรู้ว่าใบเตยมีดีกว่าการเอาไปทำเครื่องดื่ม อาหาร รวมถึงการทำขนม เพราะนอกจากนั้นยังมีประโยชน์มากๆ อีกอย่างหนึ่งนั้นคือการรักษาโรคนั่นเอง

เมื่อเห็น “ใบเตย” ทุกคนคงนึกถึงสิ่งเดียวกันนั่นคือ กลิ่นหอมๆ ของใบเตยที่สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารและเครื่องดื่มหากต้องการกลิ่นหอม ซึ่งการใช้ใบเตยเพื่อช่วยให้อาหารและเครื่องดื่มมีกลิ่นหอมนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ไม่รู้จักใบเตยแน่นอน แต่ในเรื่องของประโยชน์และสรรพคุณทางยาจากใบเตยน่าจะมีบางคนที่ยังไม่รู้จักเจ้าพืชสมุนไพรชนิดนี้กันดีเท่าไรนัก

ใบเตย มีดีที่ความหอม พร้อมสรรพคุณมากมาย

ใบเตย นอกจากจะมีสารเคมีหรือน้ำมันหอมระเหยที่ชื่อว่า Fragrant Screw Pine ซึ่งจะให้กลิ่นหอมเย็นจึงเหมาะกับคนที่มีธาตุไฟมากๆ ในทางการแพทย์แผนไทยถือเป็นยาที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ร่างกายชุ่มชื้น และยังมีฤทธิ์ในทางเภสัชวิทยาพบว่า ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในโลหิต รักษาโรคความดันโลหิตสูง และบำรุงหัวใจ ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ

นอกจากนี้ในใบเตยยังอุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะเกลือแร่และวิตามินสำคัญๆ อาทิ วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส เบต้าแคโรทีน เส้นใยอาหาร รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน น้ำ และให้พลังงานด้วย

ใบเตยจึงมีทั้งสรรพคุณและประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยมีคุณสมบัติในการช่วยบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพให้พร้อมต่อสู้กับโรคร้าย มีร่างกายที่แข็งแรง หากอยากทราบว่าสมุนไพรใบเตยนั้นมีคุณค่าอย่างไรต่อสุขภาพบ้าง เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

13 สรรพคุณของใบเตย ประโยชน์ในการรักษาโรค มีดังนี้

1. ใบเตยมีคุณสมบัติที่ให้รสชาติหวานเย็น ซึ่งช่วยดับกระหายคลายร้อนจึงนิยมนำมาคั้นน้ำดื่ม แถมยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลังและระบบประสาท แก้อาการร่างกายอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นและผ่อนคลาย มีความกระปรี้กระเปร่า และช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย

2. ใบเตยมีสรรพคุณช่วยป้องกันและรักษาอาการต่างๆ ของโรคเบาหวาน ทำให้ระดับน้ำตาลในโลหิตลดลงและควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ

3. ใบเตยมีประโยชน์ต่อระบบการทำงานของหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดโลหิตให้แข็งแรงและชุ่มชื้น ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจหากมีการเต้นผิดปกติให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ และน้ำใบเตยก็ยังสามารถช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดโลหิตด้วย

4. ใบเตยมีฤทธิ์ในการช่วยลดความดันโลหิตสูง ซึ่งนับเป็นโรคเรื้อรังอีกโรคหนึ่งที่รักษาให้หายยาก และพบว่าคนในยุคสมัยนี้ก็เป็นโรคนี้กันมาก

5. ประโยชน์ของใบเตยนั้นมีคุณสมบัติที่เย็น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีมากในการช่วยดับร้อนในร่างกาย ใช้เป็นยาแก้กระษัย และยังมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของไข้ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้อีกด้วย

6. ใบเตยยังมีสรรพคุณทางยาที่ใช้รักษาโรคหอบหืด หรือนำใบสดมาตำแล้วใช้พอกแก้อาการของโรคหัดและโรคผิวหนังได้ เพราะใบเตยมีฤทธิ์ที่จะช่วยล้างเชื้อโรคต่างๆ ตามผิวหนังได้

7. ใบเตยมีความสามารถในการช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับข้อและกระดูก โดยเฉพาะโรครูมาตอยด์ ช่วยบรรเทาอาการปวดและการอักเสบของข้อ

8. ใบเตยมีเส้นใยอาหาร ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ระบบการทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลดีให้การขับถ่ายสะดวก ป้องกันโรคท้องผูก และช่วยควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักได้

9. ใบเตยอุดมด้วยสารเบต้าแคโรทีน ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถต้านทานสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ดี และช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายจากอนุมูลอิสระ รักษาผิวพรรณให้แลดูผ่องใส ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย

10. สรรพคุณของใบเตยมีไนอาซีนซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จะช่วยในการรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง และบรรเทาอาการปวดศีรษะเพราะไมเกรนได้

11. ใบเตยมีคุณสมบัติเด่นในด้านความงามด้วย หากใครที่มีปัญหาของรังแค ให้นำใบเตยมาบดละเอียดแล้วใช้นวดบริเวณหนังศีรษะก่อนสระผมตามปกติจะช่วยแก้ได้

12. ประโยชน์ของใบเตยใช้เป็นยาย้อมผมดำได้ โดยการใช้น้ำใบเตยเข้มข้นผสมกับน้ำลูกยอต้ม แล้วนำมาย้อมเส้นผมจะช่วยทำให้ผมกลับมาดกดำอีกครั้ง แถมยังไม่เสี่ยงกับสารเคมีที่อาจเข้าไปสะสมในร่างกายอีกด้วย

13. ใบเตยมีคลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นสารสีเขียวสูง จึงสามารถนำมาใช้เพื่อผสมให้อาหารเป็นสีเขียวได้ ถือเป็นสีผสมอาหารตามธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อร่างกาย แถมยังทำให้อาหารมีกลิ่นหอมและรสชาติหวานอร่อย

เห็นกันแล้วนะคะว่าใบเตยมีประโยชน์มาก ไม่ว่าจะเอามาทำน้ำดื่มหอมๆชื่นใจ ยังสามารถนำเอามาทำยารักษาโรคได้อีกด้วย เพื่อนๆคนไหนที่มีสวนข้างบ้านอย่าลืมนำใบเตยมาปลูกไว้นะคะ เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย

ขอบคุณข้อมูลจาก : healthy-diary

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่