เคล็ดลับ แผลพุพอง น้ำมันลวก รักษาได้ของใช้ใกล้ตัว หายแสบร้อนไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
พ่อบ้านแม่บ้านควรจะรู้สำหรับใครที่เข้าครัวไปบ่อยๆ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ถูกน้ำมันร้อนๆกระเด็นใส่หรือลวก บางครั้งขณะที่กำลังทอดปลาทอดหมูหรือไก่อยู่นั้น ก็ดันเอามือเผลอลงไปจับบริเวณกระทะแล้วมันก็กระเด็นใส่ ที่นี้แหละแสบกันเลยทีเดียว
แต่คุณไม่ต้องห่วงไปวันนี้เรามีวิธีดูแลรักษาแผลจากการถูกน้ำมันลวกมาฝากกัน อาการแสบร้อนนี้จะไม่เกิดจะไม่ลุกลามอย่างแน่นอน
12 วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น นํ้ามันลวกแขน จากของใช้ใกล้ตัว
1. ล้างแผลกับน้ำเย็น
เมื่อโดนน้ำมันลวกให้รีบล้างแผลด้วยน้ำเย็น (ที่ไม่ใส่น้ำแข็ง) ภายใน 5 นาที น้ำเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิที่ผิวและช่วยป้องกันอาการผิวหนังพุพองได้
2. แช่แผลกับนมสดเย็น
กับแผลน้ำมันลวกที่แสบร้อนมากๆ อาจใช้นมสดเย็นบรรเทาอาการแสบร้อนของผิวก็ได้ โดยแช่แผลกับนมสดเย็นประมาณ 15 นาที หรือจนกว่าอาการจะทุเลาลง นมนั้นมีโปรตีนและไขมันสูง ซึ่งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้โดยทันที จึงลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ในระดับหนึ่ง
3. โยเกิร์ตก็ช่วยได้
ไม่ได้มีดีแค่พอกหน้าให้สวยเท่านั้น เพราะโยเกิร์ตแช่เย็นสามารถนำมาพอกผิวลดความแสบร้อนจากการโดนน้ำมันลวกแขนหรือมือได้ เนื่องจากโยเกิร์ตก็มีโปรตีนและแร่ธาตุหลากชนิด ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันทีไม่ต่างจากนมสดเลย ดังนั้นหลังจากล้างแผลกับน้ำเย็นจนสะอาดแล้ว จัดการโบกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (แช่เย็นยิ่งดี) ลงไปบนแผลได้เลย
4. ประคบด้วยแตงกวา
หลังจากล้างแผลด้วยน้ำเย็นเรียบร้อยแล้วใครมีแตงกวาแช่เย็นให้รีบหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำมาประคบแผลน้ำมันลวกโดยทันที ให้น้ำในแตงกวา วิตามินซี และวิตามินเคช่วยลดอาการอักเสบ อีกทั้งในแตงกวายังมีกรดแพนโทเทนิก (pantothenic acid) ตัวช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ลดอาการแสบร้อนและอาการตึงผิวที่โดนน้ำมันลวกได้
5. พอกว่านหางจระเข้
ให้ใช้ว่านหางจระเข้ สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนผิว และรักษาแผลน้ำมันลวก น้ำร้อนลวก แผลพุพองจากไฟไหม้ โดยเริ่มแรกให้ล้างแผลน้ำมันลวกกับน้ำเย็นจนสะอาด จากนั้นนำวุ้นสดจากใบว่านหางจระเข้ไปล้าง ก่อนนำมาพอกแผลที่ถูกน้ำมันลวก ประคบแผลในช่วง 2 วันแรก อาการแสบร้อนเพราะน้ำมันลวกจะบรรเทาลง และแผลจะสมานกันเร็วขึ้น ที่สำคัญแผลอาจไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วย แต่หากหาว่านหางจระเข้สด ๆ ไม่ได้ อาจใช้เจลว่านหางจระเข้แทนก็ได้เช่นกัน
6. เช็ดแผลด้วยน้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูจะมีความเย็นอยู่ในตัว และยังมีกรดอะซิติกซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของยาแอสไพริน จึงช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลอักเสบได้ ที่สำคัญน้ำส้มสายชูยังจัดเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อที่จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแผลติดเชื้อได้อีกด้วย ดังนั้นหลังจากล้างแผลกับน้ำสะอาดแล้ว ให้ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูชุ่ม ๆ แล้วนำมาเช็ดแผลซ้ำอีกที
7. ลดอาการแสบร้อนด้วยถุงชาดำ
นำถุงชาไปแช่น้ำเย็นสักพัก จากนั้นนำถุงชามาวางโปะลงไปบนแผลที่ถูกน้ำมันลวก สารแทนนินจากชาดำจะช่วยลดความร้อนจากแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ เมื่อประคบถุงชาสักพักแล้วจึงจะรู้สึกได้ว่าอาการแสบร้อนทุเลาลง แต่ก่อนจะใช้สูตรนี้ แนะนำให้ล้างแผลกับน้ำเย็นทันทีที่โดนน้ำมันลวกก่อน
8. เปลือกกล้วยช่วยสมานแผล
เปลือกกล้วยอุดมไปด้วยเอนไซม์ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ และแร่ธาตุต่างๆ จึงช่วยให้แผลน้ำมันลวกหายเร็วขึ้นได้ เพียงนำเปลือกกล้วยไปล้างยางออกให้หมด จากนั้นค่อยๆ ถูเปลือกกล้วยไปรอบๆ ปากแผล หรือใครจะโปะเปลือกกล้วยด้านในลงไปบนแผลเลยก็ได้ นอกจากนี้เปลือกกล้วยยังมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อให้แผลได้อีก
9. นวดน้ำผึ้ง+ผงขมิ้นชัน
ทั้งน้ำผึ้งและขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบ และช่วยสมานแผลอักเสบได้ ดังนั้นหากแผลน้ำมันลวกของคุณยังแสบๆ ตึงๆ อยู่ ให้ผสมน้ำผึ้งและขมิ้นชันชนิดผงในสัดส่วนเท่าๆ กัน แล้วนำมาเป็นน้ำมันนวดผิวที่ถูกน้ำมันลวกทุกเช้า-เย็น
10. ทาน้ำมันมะกอกป้องกันแผลเป็น
หลังจากอาการแสบร้อนจากแผลน้ำมันลวกบางเบาลงแล้ว ให้ทาน้ำมันมะกอกบริเวณผิวที่เป็นแผลทุกวันหลังอาบน้ำ น้ำมันมะกอกจะช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้ หรือใครสะดวกใช้น้ำมันลาเวนเดอร์ก็ใช้แทนกันได้
11. น้ำมันมะพร้าวช่วยลดรอยดำจากน้ำมันกระเด็น
หากแผลน้ำมันลวกทิ้งรอยด่างดำไว้ให้ดูต่างหน้า ให้ผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมะนาวในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วนำมาทารอยดำจากน้ำมันกระเด็นทุกเช้า-เย็น วิตามินอีและกรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าว พร้อมด้วยวิตามินซีจากมะนาวจะช่วยลบเลือนรอยดำจากน้ำมันกระเด็นให้ได้
12. ทายาบรรเทาอาการ
ในกรณีที่แผลน้ำมันลวกพุพองหรือหลุดลอก อาจใช้ยารักษาอาการก็ได้ โดยล้างแผลให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทายาชนิดครีมไตรแอมซิโนโลนบางๆ เพื่อรักษาอาการแผลพุพอง แผลไหม้
ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งสำคัญในการรักษาแผลที่เกิดจากน้ำมันลวกขึ้นอยู่กับความเร็วในการที่เราจะรักษา เพราะฉะนั้นแล้วหาโดนน้ํามันลวกก็ขอให้มีสติไม่ต้องร้องไห้โวยวาย ให้ทำการล้างแผลด้วยน้ำเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนก่อนในอันดับแรก หลังจากนั้นก็เลือกวิธีการบรรเทาอาการตามส่วนไหนก็ได้
ขอขอบคุณ : rukhealthcom