แม่ชี เป็นมะเร็ง ปฏิเสธคีโม เลือกรักษา 3 ข้อ ส่งผลให้ก้อนเนื้อฝ่อลงเพียง 5 เดือน
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องอาการป่วยมะเร็ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ แม่ชีมีอาการปวดบริเวณช่องท้องและมีเลือดออก จึงไปหาหมอที่ รพ.ศิริราช และตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อกระจายที่บริเวณช่องท้อง และพบว่าเป็นมะเร็งระยุลุกลาม หลังจากตรวจ แม่ชีศันสนีย์ ได้รักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด โดยปฏิเสธการให้คีโมและผ่าตัด
โดยล่าสุดแม่ชีศันสนีย์ ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องอาการป่วย โดยกล่าวว่า..
หลายคนบอกว่า มะเร็งเป็นโรคของกรรมเก่า แต่แม่มองว่า มะเร็งเป็นเรื่องของพฤติกรรม ถ้าเราประมาท เราก็ต้องให้ความอ่อนโยนของร่างกายของเรา เมื่อวานแม่กลับจากโรงพยาบาลศิริราช หมอที่ดูแล บอกว่า ดีใจที่เห็นคุณแม่แข็งแรงขึ้น
ซึ่งเมื่อช่วงเดือนเมษายน ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลง วันแรกที่ไปพบหมอก็พบว่าเจอก้อนเนื้อใหญ่ 2 ก้อนประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งคุณแม่เคยเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเนื้อร้ายก็ปลิ้นออกไปนอกกระเพาะทั้ง 2 ก้อน และกระจายทั่วหน้าท้อง จุดที่กระจาย 2 ก้อนใหญ่ไปเบียดถุงน้ำดี และลิ้นปี่ ซึ่งแม่เคยคิดว่าเราแข็งแรง ทำงานได้ เมื่อเห็นผลตรวจก็ตัดสินใจว่าจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ แต่สิ่งที่เป็นนี้ต้องเป็นประโยชน์
ขณะเดียวกันหมอก็โทรไปบอกพี่สาว แต่ก็ไม่มีใครบอกคุณแม่ ซึ่งวันฟังผลตรวจก็อธิษฐานจิต หมอพยากรณ์ว่าอะไร สิ่งนั้นต้องเป็นประโยชน์และแม่ก็เริ่มปรับพฤติกรรม โดยเดือน พ.ค. รักษาเดือนแรก ส่วนเดือนมิ.ย. ก้อนมะเร็งลดลงจาก 10 เซนติเมตรลดลง 3 เซนติเมตร ตัวที่กระจายก็เริ่มหาย ทั้งนี้ในเวลาไม่ถึง 5 เดือน ก้อนมะเร็งเหลือ 1 เซนติเมตร
แม่ชีศันสนีย์ กล่าวอีกว่า มีอยู่ 3 หลักที่แม่ยึดปฏิบัติมาโดยตลอด คือ
1. เป็นคนไข้ที่ดีของหมอ ในฐานะผู้ป่วย
2. ปรับเปลี่ยนการกินอยู่ การให้โอกาสกับตัวเอง ดูแลเรื่องอาหารการกิน แม่เห็นว่าโรคที่แม่เป็นมาจากสาเหตุใด เช่น ทานอาหารมื้อเดียว แม่ก็จะปฏิบัติตัวใหม่ และแม่ก็ใช้ธรรมชาติบำบัด ในเดือนแรกน้ำหนักลดเป็น 10 กิโลกรัม ทานผลไม้อยู่ 1 เดือน ซึ่งช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้กับร่างกาย และ
3. ภาวนาพิจารณาการป่วยของตัวเองช่วง 2 ทุ่ม ก็พิจารณา เยียวยาภาวนาจน 4 ทุ่ม จากนั้น เพื่อให้หลับลึกๆ ช่วงตี 1-2
ชมคลิป
ความเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
มองโลกอย่างที่โลกเป็น
จงขอบคุณความทุกข์ที่เกิดขึ้น
จากเรื่องราวที่กล่าวมานั้นก็เป็นเพียงหลักยึดถือสำหรับใครที่กำลังป่วยอยู่ก็แนะนว่าให้เข้ารับการรักษากับหมออย่างถูกต้อง และใช้หลักธรรมเข้ามายึดเหนี่ยวใจ เพื่อจะได้หายได้เร็วขึ้นนะคะ
ขอขอบคุณ : เสถียรธรรมสถาน Sathira Dhammasathan