เงินขาด ไม่พอใช้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง มีอยู่สองเหตุ

0

เงินขาด ไม่พอใช้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง มีอยู่สองเหตุ

ปัญหาในเรื่องของเงินทองที่ไม่มีพอใช้ ข า ด มือกันอยู่บ่อยๆ เคยตั้งข้อสงสัยกันไหมว่า ทำไมเราถึงไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินใช้ ทั้งที่ขยันทำงานในทุกๆวัน หาช่องทางในการหาเงิน แต่ในสุดท้ายแล้วก็ไม่มีเงินเก็บ มีเงินไม่พอ จะต้องไปยืมคนอื่นเขาอยู่ตลอดในทุกเดือน

การกระทำที่จะทำให้เกิดเป็นผลก ร ร มนี้ล้วนมีอยู่ 2 เหตุเหตุ จากก ร ร มเก่าที่เรามองย้อนหลังในอดีตชาติ

คนที่จะมีปัญหาอยู่บ่อยๆมาจากในอดีตชาติทำทานมาไม่ครบ ซึ่งนั่นหมายความว่าเวลาที่ทำทานนั้นจิตของเรายังตกอยู่กับคำว่าเสียดายที่ทำไป อย่างเช่นหากตั้งใจว่าจะทำทานด้วยอาหารคาวหวาน 4 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง แต่พอถึงเวลาเข้าจริงกลับรู้สึกเสียดายทำทานน้อยลงจากที่ได้ตั้งใจเอาไว้

ในอืกสาเหตุมาจากวัตถุทานที่ไม่บริสุทธิ์ นั่นคือทานนั้นอาจจะมาด้วยเงินที่ไม่ บริสุทธิ์ เงินจากการ เ บี ย ด เบียนผู้อื่น หรือที่มาของเงินมาในทางที่ไม่ดี

ด้วยเหตุนี้เองทำบุญกุศลที่เคยได้ทำมานั้น จึงได้มีลักษณะแบบครึ่งๆกลางๆ เดี๋ยวมีเงินเดี๋ยวก็ไม่มีไม่มีเงินสำรองใช้ ไม่มีเงินพอที่จะนำไปใช้ไปหยิบยืมใคร ก็เกิดความลำ บ า ก บางครั้งก็โดนว่า

ส่วนเหตุจากก ร ร ม ใหม่ ในภพชาติปัจจุบัน

การที่เรามีเงินไม่พอใช้ หาเงินไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกิดมาจากก ร ร มเก่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจะต้องดูพิจารณาว่าสิ่งที่เราทำนั้นสมบูรณ์และเพียงพอ ทำให้ตัวเรามีเงินทองใช้อย่างไม่ขาดมือหรือไม่ หากรู้แล้วว่ายังไม่พอยังไม่ถึงเหตุต้องเปลี่ยนก ร ร มของตนเอง ก็ทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

คนบางคนอาจจะยังเป็นคนที่ใช้เงินด้วยอารมณ์มากกว่าการมีเหตุผล ก็ให้ดูว่าของที่เราซื้อใช้นั้นมีความสมควรหรือไม่ที่จะซื้อ เมื่อซื้อมาแล้วทำให้เราเงิน ข า ดมือ หรือไม่ไม่มีเงินใช้ หรือไม่ส่วนห นึ่ งเงินที่ขาดมือนั้นมาจากการที่เราได้ซื้อของแบบมุ่งประโยชน์เ ที ย ม มากกว่าประโยชน์แท้ อย่างเช่น มีเงินเดือนที่น้อยอยู่แล้วแต่มักจะชอบเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆเป็นประจำ มือถือรุ่นไหนใหม่ออกมาก็มักจะเปลี่ยนในทันที

โดยแท้ที่จริงแล้วโทรศัพท์ก็เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับการติดต่อพูดคุยสื่อส า รรับส่งข้อ มู ลเท่านั้น แต่บางคนก็กลับซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆมา เพื่อให้คนอื่นมองว่าเรามีโทรศัพท์ใหม่ล่าสุดใช้งาน

การแก้ไขนั้นควรเป็นไปทั้ง 2 ทาง ทั้งทางโลกและทางธ ร ร มเพื่อที่จะทำให้เกิดเป็นการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน

และการทำบุญนั้นควรหมั่นทำทานประกอบไปด้วย 3 ทาน วัตถุทาน อย่างการถวายข้าว การถวายสิ่งของการช่วย เหลือผู้อื่นที่เขาต้องการ การทำบุญด้วยสิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้ตัวเราได้รับผลบุญที่ดีตามมาด้วย

ธรรมทาน คือการที่เราได้เอาความรู้ไปช่วยกับผู้อื่นให้เขาได้ พ้ นทุ ก ข์ อย่างเช่นให้คำปรึกษาที่ดี บอกเส้นทางเดินของชีวิตที่ถูกต้อง ให้กำลังใจเขาให้เขาได้สู้ชีวิตและก้าวข้ามปัญหาที่เจออยู่ไปให้ได้ การร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หรือการบอกบุญให้กับผู้อื่นให้คนรอบข้าง เชิญชวนร่วมทำบุญร่วมทำหนังสือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นธ ร ร ม ทานทั้งสิ้น

อภัยทาน เรื่องนี้นั้นเป็นบุญที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถจะทำได้ แต่ก็ค่อนข้างทำได้ยากเช่นกัน ความ ขั ด เคืองที่มีอยู่ในใจ ความ โ ก ร ธความไม่ชอบ หากเรามีสิ่งนี้อยู่ในใจนั้นตัวเราเองจะเกิดเป็นความทุ ก ข์ หากปล่อยวางได้ ก็ควรที่จะปล่อยวาง ใครปล่อย วางได้ ก่อนก็ย่อมมีความสุขได้ก่อน อย่าไปถือโ ท ษโ ก ร ธให้ใช้ชีวิตบนเส้นทางของตัวเองไม่ต้องไปสนใจผู้อื่น ใครที่เขาไม่ชอบเราก็ปล่อยเขาไป ทำตัวเราให้มีจิตใจที่สงบ พร้อมที่จะให้อภัยและพร้อมที่จะปล่อยวางกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะค้นพบความสุขได้ง่ายๆ

ทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลที่เราได้ทำนั้นส่งผลบุญให้กับตัวเองให้กับพ่อแม่ญาติพี่น้อง เจ้าก ร ร มน า ยเ ว ร เท ว ดาทั้งหลาย ให้ได้มารับผลบุญในครั้งนี้ บุญกุศลที่เราจะได้รับก็จะช่วยทำให้ตัวเรานั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น เจริญยิ่งขึ้น ปัญหาต่างๆที่เข้ามาก็จะเบาลงไป การเงินที่ติดขัด ก็จะดีขึ้นได้

ควรทำในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอ ทุกท่านจะเห็นผลที่ดีตามมาในชีวิต

ขอขอบคุณ : sabiangbunpublishing

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่