เป็นความรู้สำหรับผู้อ่าน ใครอ่านจบ ก็ได้บุญนะ (แชร์เก็บไว้เลย)

0

เป็นความรู้สำหรับผู้อ่าน ใครอ่านจบ ก็ได้บุญนะ (แชร์เก็บไว้เลย)

การคิดดี พูดดี ทำดี เปรียบเสมือนเป็นการทำบุญได้อย่างหนึ่ง อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านบทความนี้ดูนะ เพราะเป็นสิ่งดีๆที่อยากมอบให้กับทุกคน ใครที่อ่านจบแล้วกระทำตามด้วยกาย วาจา ใจ ก็จะได้บุญนะคะ

หลายๆ คนจะบอกเราว่า

เวลาที่เราเห็นคนทำบุญ

หรือเวลาที่มีคนมาเล่าให้เราฟังว่า

ไปทำบุญมา ให้สาธุกับเขา

แล้วเราจะได้บุญด้วย
.
คำถามที่มักจะเกิดขึ้นมาในหลายๆ คนก็คือ

“มันจะได้บุญจริงเหรอ”
.

บางคนก็อาจจะรู้สึกว่า “เหมือนขอทาน”

เพราะเหมือนไปเกาะบุญเขา

ความเป็นจริงเป็นยังไง??
.
ในพระอรรถกถา เล่ม 75 หน้า 427 ได้กล่าวถึง

การกระทำที่เป็นบุญพื้นฐาน มีอยู่ 10 อย่าง

จึงเรียกรวมกันว่า “บุญกิริยาวัตถุ 10”

ซึ่งหนึ่งใน 10 ข้อนี้ชื่อว่า “ปัตตานุโมทนามัย”

ซึ่งหมายถึง การโมทนาบุญ

หรือการยินดีในความดีของผู้อื่น

หมายถึงเวลาที่เราเห็นผู้อื่นทำความดีหรือทำบุญ

หรือได้ดีมีความสุข เราก็ยินดีไปกับเขาด้วย

การที่ใจเรามีความรู้สึกยินดีต่อความดีของผู้อื่น

แบบนี้ตัวเราเองก็จะได้บุญด้วย

บุญแบบนี้จะเกิดจาก “เจตนา” ของจิตใจ

ที่ตั้งอยู่บนฐานของความ“ยินดี”

จิตเป็น “กุศล” เกิดขึ้นเราก็จะได้บุญ
.
ทำไมจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น เราจึงได้บุญ

อ้างจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 ข้อ 334 ที่กล่าวว่า
.

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้วจึงกระทำกรรม
ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ”

คำว่าเจตนาสามารถแปลได้ง่ายๆ ก็คือ

ความตั้งใจ การกระทำที่ไม่มีความตั้งใจ

จะไม่ถือว่าเป็นกรรม

เมื่อไม่เป็นกรรมก็จะไม่มีบุญหรือบาป

ที่สำคัญคือ คำว่ากรรมไม่ได้หมายถึง

การกระทำทางกายเท่านั้น

แต่หมายถึงการกระทำทางกาย วาจา ใจ

หากกระทำทางใดทางหนึ่งหรือทั้ง 3 ทาง

ก็จะถือว่าเป็นกรรม จะมีบุญหรือบาปเกิดขึ้น

การที่มีจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้นเราได้บุญ

เพราะเป็นการกระทำที่มีเจตนาทางใจ

จึงถือว่าเป็นกรรม เมื่อเป็นกรรม “ดี”

เราก็เลยได้ “บุญ” นั่นเอง
.

วิธีการทำบุญด้วยการโมทนาบุญ

จึงเป็นหนึ่งในวิธีทำบุญที่ง่ายที่สุด

และไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว

เวลาที่เราเห็นใครทำบุญที่ไหนก็ตาม

เราก็อนุโมทนาไปด้วยเราก็จะได้บุญไปด้วย

ยิ่งเรารู้สึกยินดีจากใจจริงมากเท่าไหร่

เราก็จะได้บุญมากเท่านั้น
.
หลายๆ คนที่อาจจะไม่มีเงินทองมากมาย

เวลาเห็นคนอื่นทำบุญได้มาก

ก็โมทนาบุญด้วย ก็จะช่วยได้เยอะ

หลายๆ คนอาจจะไม่มีโอกาส

ได้ทำบุญบางประเภท
.

เช่นไปสังเวชนียสถานทั้ง 4

เวลาเห็นคนอื่นได้ไปก็โมทนาบุญด้วย

ก็อาจจะอธิษฐานให้เราได้ไปซักวันหนึ่ง

หรือหลายๆ คน ไม่สามารถไปทำบุญบางที่ได้

เพราะห่างไกลหรือไม่สะดวกเรื่องเวลา

การโมทนาบุญก็ทำให้เราได้บุญ

ร่วมกับเขาในแบบที่เขาได้ทำเช่นกัน
.

การโมทนาบุญ จึงเป็น “มากกว่า”

การได้บุญร่วมกับคนอื่น

และไม่ใช่การเกาะบุญของใครทั้งสิ้น

เพราะบุญที่เราได้รับนั้น เกิดจากจิตใจ “อันดีงาม”

ของตัวเราเองล้วนๆ และเป็นบุญที่ “ไม่ใช่” ใครก็ทำได้

เพราะคนที่มีจิตใจ “หยาบกระด้าง” หรือชั่วช้า

จะไม่มีวันได้บุญแบบนี้เด็ดขาด

(ในขณะที่บุญบางแบบแค่มีเงินก็ทำบุญได้แล้ว)
.
ฉะนั้น ทุกครั้งที่เราเห็นคนอื่นทำดีทำบุญ

หรือได้ยินมาว่าคนอื่นทำดีทำบุญ

แล้วเรากำลังรู้สึก “ยินดี” ที่เขาได้ทำ

เรากำลังได้บุญที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว

และคงไม่เสียหายอะไร

หากเราจะพูดออกมาดังๆ ว่า “สาาาาาา ธุ”

แล้วอธิษฐานในใจว่า ในอนาคตขอให้เรา

ได้มีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้บ้างเถิด

ขอบคุณข้อมูลจาก : ชินพัธน์ วิศุทธิสุวรรณ , กลุ่มธรรมะในใจ , rugyim

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่