คบกับแฟน 4 ปี แต่สุดท้ายเขาไปแต่งงานกับคนรวย ในงานแต่ง ฉันจึงมีของสุดเซอร์ไพรสไปมอบให้!!
ฉันรู้จักกับแฟนหนุ่ม ตอนที่เรียนปริญญาโท พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน วันแรกที่เจอกันฉันก็จดจำเขาได้ทันที เขาไม่ได้สูงมากนัก ดูเรียบร้อย ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ชอบอมยิ้มที่มุมปาก ชอบพูดติดตลก และนี่คือสเปคผู้ชายแบบที่ฉันชอบเลย
หลังจากที่พยายามทำความรู้จักกันมากขึ้น ก็รู้ว่า เขามาจากชนบท ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี การที่ทางบ้านส่งเสียเขาเรียนปริญญาโทถือเป็นเรื่องหนักหนาพอสมควร
หลังจากเปิดทอมได้ 2 สัปดาห์ ฉันตัดสินใจเดินหน้าจีบเขา ฉันได้ลองปรึกษากับเพื่อนสนิท เพื่อนฉันแนะนำว่าคนที่มาจากชนบทส่วนใหญ่จะชอบคนรวย แต่ถ้าเขารู้ว่าฉันรวย เขาอาจจะคบเพราะเงินมากกว่าความรักก็ได้ แล้วถ้าคบเพราะเงินอีกหน่อยแต่งงานกันไป โอกาสที่เขาจะนอกใจก็มีสูงเพราะเขาไม่ได้รัก แต่เพราะอยากได้เงิน เพื่อนจึงแนะนำให้ฉันเก็บความลับเรื่องฐานะทางบ้านไว้ แล้วแกล้งทำเป็นจน ลองใจเขาดู ว่าเขาจะรักฉันจริงๆไหม ถ้าไม่ใช่ก็ค่อยเลิกคบไป ซึ่งฉันก็เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน จึงลองทำตาม
สมัยที่เรียนปริญญาตรี ฉันใช้ชีวิตหรูหรา ใช้เงินแบบไม่ต้องคิด และฉันก็ไม่ใช่คนขี้เหร่ จึงมีคนเข้าหามากมาย ฉันก็ลองคบหาดู แต่สุดท้ายก็รู้ว่าทุกคนเข้าหาฉันเพื่อผลประโยชน์ บางคนเข้าหาเพราะเงิน บางคนเข้าหาเพราะเมื่อเรียนจบแล้วอยากจะให้ฉันฝากเข้าทำงานที่บริษัทของพ่อ ดังนั้นเพื่อนสนิทของฉันจึงแนะนำให้ลองแกล้งเป็นคนจนดู เผื่อจะได้เจอรักแท้ ซึ่งการปลอมตัวเป็นคนจนของฉันนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด ฉันต้องเลิกใช้ของแบรนด์เนมทุกอย่าง เลิกกินอาหารตามร้านหรูๆ มากินอาหารในโรงอาหารแทนนอกจากโอกาสพิเศษจริงๆถึงจะออกไปกินอาหารบุฟเฟ่ต์
พวกเราช่วยกันติวหนังสือ ช่วยกันทำวิทยานิพนธ์ หลังจาก 3 ปี ฉันคิดว่าเราสองคนไปด้วยกันได้ดี อย่างน้อยๆก็มีความรู้สึกดีๆ
ให้กัน แต่ที่รู้คือฉันรักเขา หลังจากเรียนจบ เขาสามารถเข้าทำงานที่ดี มีเงินเดือนสูง ส่วนฉันไม่อยากจะทำงาน จึงแกล้งทำเป็นหางานทำไม่ได้ ให้เขาเป็นคนดูแล ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมบอกว่า ถ้าอีกหน่อยเขารวย เขาจะเป็นคนดูแลทุกอย่างให้ฉันเอง คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อแม่ของฉันก็รู้เรื่องของแฟนฉัน ท่านได้ยินมาว่าเป็นคนดี อยากให้ฉันพามาแนะนำให้รู้จักถ้าเป็นคนดีจริง ก็อยากจะให้เราแต่งงานกัน พามาทำงานที่บริษัทของพ่อ แล้วจะให้เป็นคนดูแลกิจการต่อไป เพราะพ่อกับแม่อยากจะอยู่บ้านเลี้ยงหลานแล้ว คืนนั้นฉันจึงลองใจถามแฟนฉันดู ” คุณ ถ้าฉันเป็นลูกคนรวยที่ขี้เกียจคุณจะเลิกกับฉันไหม?” “แล้วเธอจะไปเป็นลูกคนรวยได้ยังไง” เขาหัวเราะ
เขายังบอกอีกว่า เขาทนเห็นพวกลูกคนรวยที่วันๆไม่ทำอะไร คอยใช้แต่เงินพ่อแม่ไปวันๆไม่ได้ ทำตัวไร้ประโยชน์ น่าขยะแขยง
คำพูดเหล่านี้ คือสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุด แต่ฉันต้องแกล้งทำไม่ใส่ใจ และก็ทำให้รู้ว่า มันยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกความจริงกับเขา ฉันจึงขอให้พ่อกับแม่รอเวลาอีกหน่อย หลังจากที่ฉันบอกความจริงแล้วฉันจะพาไปทำความรู้จักพวกท่านแน่นอน
เขาดูแลฉันเป็นอย่างดี เงินเดือนทุกเดือนหลังจากหักค่าใช้จ่ายภายในบ้านแล้ว หักที่เขาส่งให้ทางบ้านแล้ว เหลือเท่าไรเขาจะให้ฉันเป็นคนเก็บทั้งหมด ทุกๆวันจะทำอาหารอร่อยๆให้กิน ทำให้ฉันมีความสุขมาก
หลายๆครั้งที่ฉันอยากจะบอกความจริงกับเขา แต่ฉันกลัวว่าเขาจะทิ้งฉันไป เลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง
ก่อนตรุษจีนไม่กี่วัน ฉันเห็นเขาดูเศร้าๆ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาตอบว่าแม่ของเขาป่วยเป็นโรคหัวใจตอนนี้อาการทรุด ต้องรีบผ่าตัดทำบายพาสด่วน แต่การผ่าตัดต้องใช้เงินเยอะมาก แต่เขามีเงินไม่พอ ฉันได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี ฉันให้เพื่อนสนิทไปลงขอรับบริจาคทางหนังสือพิมพ์เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด แต่จริงๆแล้วเงินทั้งหมดนั้น คือเงินของฉันเอง
วันที่เพื่อนของฉันนำเงินไปให้เขา เขากลับมาดีใจบอกว่า ผู้จัดการบริษัทที่เขาทำงานอยู่จะให้เขายืมเงิน เขาอยากจะเอาเงินไปคืนให้กับคนที่บริจาคมา เขายอมเป็นหนี้ดีกว่าเอาเงินคนอื่นมาฟรีๆ
ฉันจึงบอกไปว่า เธอนี่โง่มาก เงินนี้มีคนใจบุญอยากจะช่วย ทำไมไม่รับไว้ เพราะเรื่องนี้ทำให้เราทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งเป็นการทะเลาะกันครั้งแรกของเราสองคนตั้งแต่คบกันมา ฉันยังด่าเขาอีกว่า จนแล้วยังหยิ่งอีก เขาก็ด่ากลับมาว่า ที่มีอยู่มีกินทุกวันนี้ก็เพราะไอ้คนจนคนนี้ไม่ใช่หรอ ฉันจึงเก็บของกลับไปอยู่บ้าน เขาก็ลาพักร้อน 1 สัปดาห์กลับบ้านไปดูแลแม่ ฉันกลับไปคิดหลายวัน ทนไม่ได้ จึงซื้อของขวัญไปเยี่ยมแม่เขาที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึง พบว่ามีผู้หญิงคนนึงอยู่ในห้อง ดูสนิทสนมกับเขา เขาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่จากความรู้สึกของฉัน ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนสนิทของฉันช่วยสืบดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถึงได้รู้ว่าเป็นลูกสาวของผู้จัดการ และเธอก็ชอบแฟนของฉัน เคยจีบแฟนฉันและรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ แล้วยังเคยพูดกับแฟนฉันอีกว่า ” ทำไมถึงไปคบกับคนไม่เอาถ่านแบบนั้น ที่บ้านยากจนแล้วยังไม่ทำงานทำการอีก” แฟนฉันตอบเธอว่า “เรากำลังจะเลิกกันแล้ว”
หลังจากที่รู้ความจริงแล้ว ฉันจึงถามเขาตรงๆ เขาก็ยอมรับว่า ผู้จัดการจะซื้อบ้าน ซื้อรถให้ และให้เขาไม่ต้องทำงานหนัก
ฉันได้ยินแล้วไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “เมื่อก่อนที่เคยพูดไว้ลืมแล้วหรอ ที่บอกว่าไม่ชอบลูกคนรวย?” เขาบอกว่านั้นมันเมื่อก่อน ก่อนที่แม่จะป่วย ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว คนมันเปลี่ยนกันได้ คืนนั้นฉันจึงบอกความจริงกับเขา แต่เขาไม่เชื่อคิดว่าฉันโกหก แถมยังบอกว่าถ้าเป็นเรื่องจริงที่ฉันรวย เขาจะยิ่งเกลียดฉันมากขึ้นไปอีกที่โกหก และเมื่อถึงเวลาลำบากก็ไม่คิดจะช่วยเหลือเขา ฉันจึงบอกความจริงเรื่องเงินบริจาค แต่เขาก็ไม่เชื่ออีก ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว เราเลยเลิกกัน
วันแต่งงานของเขา ฉันไปร่วมงานโดยไม่ได้ถูกเชิญ ฉันแต่งตัวสวยที่สุดไปร่วมงาน พอเขาเห็นฉัน เขาถึงกับตะลึง ฉันยิ้มมุมปาก เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือ เอาเงิน สองแสนออกมา ปาใส่หน้าเขา “เงินนี้คืนให้ ที่ฉันเคยใช้เงินของคุณ” แล้วหันหลังเดินออกจากงานไปทันที
พ่อแม่รู้เรื่องที่ฉันทำ ท่านดุสั่งสอนฉัน ว่าฉันทำเกินไป แต่ฉันอาจจะผิดที่ปิดบังเขา แต่เขาเองก็ทิ้งฉันไปอย่างง่ายดายเหลือเกิน
แค่อยากจะหาคนที่รักจริง ทำไมมันถึงยากเย็นเหลือเกิน ก็น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายนะคะงานนี้
ขอขอบคุณ : FW Mail