คนค้าขาย รู้ไว้เลย เพียงเทน้ำร้อนทิ้งไว้ตรงกลางกะหล่ำปลี
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทานผักและผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากขนาดไหน ไม่ว่าจะทานแบบดิบหรือแบบสุก แต่สำหรับผักบางชนิดนั้นหากทานแบบดิบอาจมีผลต่อการที่ร่างกายจะนำอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ และที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้นั่นคือกะหล่ำปลี
โดยในกะหล่ำปลีนั้นมีกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งพบมากในกะหล่ำ หัวผักกาด บรอกโคลี ถั่วต่างๆ และพืชตระลหัวหอม โดยที่กอยโตรเจนนั้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งการผลิตในต่อมไทรอยด์ส่งผลทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในโลหิตไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งหากเรารับประทานอาหารที่มีกอยโตรเจนมากเกินไป อาจทำให้ท้องอืดจนส่งผลทำให้ร่างกายขาดไอโอดีนจนกลายเป็นโรคคอพอกได้ เราจึงนำผักพวกนี้ไปโดนความร้อนเพื่อให้กอยโตรเจนสลายไปก่อน
แต่หากใครที่ยังต้องการทานกะหล่ำปลีแบบที่ยังกรอบๆและไม่เสียรสชาติดของกะหล่ำปลีนั้น วันนี้เรามีวิธีในการทำให้กะหล่ำปลีนความร้อนแต่ยังคงความกรอบและไม่เละเหมือนที่เราเอาไปต้มหรือทำให้ร้อยด้วยวิธีอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการทำนั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆ มีขั้นตอนการทำด้วยกัน 4 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 อันดับแรกคือการตั้มน้ำให้ร้อนจัด จากนั้นเริ่มทำกะหล่ำปลี่การคว้า นตรงแกนกลางของกะหล่ำปลี ดังรูป
ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นหาหม้อที่สามารถใส่กะหล่ำปลีลงไปได้ทั้งหัวได้ คำแนะนำคือหม้อที่ใช้ต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้กะหล่ำปลีใส่ลงไปได้ทั้งหัวและไม่แน่นจนเกินไป และนำน้ำร้อนที่เราต้มจนเดือดจัดมาเทลงตรงกลางของกะหล่ำปลีที่เราได้ทำการคว้า นไว้ในตอนแรก
ขั้นตอนที่ 3 ปิดฝาหม้อทิ้งไว้ประมาน 30 นาที ต้องระวังว่าไม่ควรปล่อยไว้เกิน 1 โมง
ขั้นตอนที่ 4 เมื่อครบเวลาแล้วให้เทน้ำออกจากหม้อ จะเห็นได้ว่ากะหล่ำปลีบานเหมือนดอกไม้ รอให้กะหล่ำปลีเเย็นก็ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสามารถนำไปทานแบบดิบหรือจะนำไปประกอบอาหารต่อก็ได้เช่นกัน การที่กะหล่ำปลีบานขึ้นแบบนี้ก็จะทำให้ง่ายต่อการแกะมาทำอาหารต่อได้กด้วย
แต่ถึงอย่างไรก็ตามกะหล่ำปลีก็ยังมีประโยชน์กหลากหลายด้าน โดยในกะหล่ำปลีนั้นมีกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำตาลที่ร่างกายเรารับเข้าไปแล้วนั้นกลายเป็นส่วนเกิน ไม่ถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นไขมันในชั้นผิวหนัง ซึ่งข้อดีคือจะลดไขมันและปริมาณคอเลสเตอรอลได้
นอกจากนี้ยังพบว่าในกะหล่ำปลีนั้นมีเส้นใยอาหารในปริมาณสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระบวนการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย การทานกะหล่ำปลียังไปช่วยในการกระตุ้นการสร้างโปรตีนเคราติน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เส้นผม เล็บ และเนื้อเยื่อมีความแข็งแรงกด้วย
เรียบเรียงโดย : Postsod
ขอขอบคุณ : nstda, honestdocs