เหตุใด? คนเราจึงเกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันได้ เคยได้ยินไหม “กรรมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ”

0

คำว่า กรรมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ หมายความว่าอย่างไร เพราะบางคนพ่อแม่ดี แต่ลูกไม่ดี บางคนครอบครัวดี แต่มีบริวารนำความเดือดร้อนมาให้ บางคนลูกดีแต่บุพพการีไม่ดี ถ้าจะถือว่าชาติก่อนมีความสัมพันธ์กับชาตินี้ ก็จะต้องหมายความว่า พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง ที่เคยพัวพันกันมา จะต้องไปพบกันทุกชาติเช่นนั้นหรือ จึงมีการกล่าวถึงคำว่า “ทำกรรมร่วมกันมา” 

คำว่า “กรรมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ” เป็นคำที่หมายถึงคนสองคน หรือสองฝ่ายเคยทำอะไรร่วมกันมา จะเป็นทางดีก็ได้ ทางไม่ดีก็ได้ เช่นเคยทำบุญร่วมกันมา เคยร่วมปล้นฆ่าคนมาด้วยกันเป็นต้น การกระทำที่ทำร่วมกันอย่างนี้แหละ ที่เรียกว่า “กรรมร่วมกันมา” ถ้าเป็นกรรมในชาติก่อนๆ ก็เรียกว่า เป็นกรรมในอดีตชาติความจริงมิใช่ เพราะกรรมเท่านั้นที่จะส่งผลให้มาพบกันในชาตินี้ แม้เวรที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผูกกันไว้ หรือผูกไว้ทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเหตุส่งให้มา พบกันในชาตินี้ได้เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงมักพูดติดต่อกันว่า “กรรมเวร” ความเข้าใจที่ว่า ถ้าถือว่าชาติก่อนมีความสัมพันธ์กับชาตินี้ ก็จะต้องหมายความว่า พ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูงที่เคยพัวพันกันมาจะต้องไปพบกันทุกชาตินั้น ยังเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด อันที่จริงชาติก่อนมีความสัมพันธ์กับชาตินี้จริง ในฐานะเป็นชาติที่เป็นเหตุให้เกิดมีชาตินี้ขึ้น แต่พ่อแม่พี่น้องญาติมิตรในชาติก่อนนั้น หาได้เกิดพบกันทุกชาติไม่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับเงื่อนไขที่ว่า เมื่อพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรนั้นๆ ได้ทำกรรมจะดีหรือไม่ก็ตาม หรือได้มีเวรต่อกันมา กรรมและเวรอันนั้นแหละก็จะส่งผลให้เกิดมาพบกันในชาติต่อไป แต่จะทุกชาติหรือไม่ ก็แล้วแต่กรรมเวรที่จะก่อใหม่อีก

นัยตรงข้าม หากพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร มีความผูกพันกันเพียงสายเลือดซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติ หาได้ทำกรรมดีกรรมชั่ว หรือผูกเวรกันไว้ไม่ อย่างนี้ก็ไม่มีสาเหตุอันใดที่จะทำให้ไปเกิดพบกันอีก คือไม่มีกรรมเวรร่วมกันนั่นเอง เรื่องกรรมเรื่องเวร เป็นเรื่องลึกซึ้งและละเอียดอ่อนมาก ยากที่จะอธิบายให้เห็นแจ้ง ด้วยหน้ากระดาษเพียงเท่านี้ได้ แต่ผู้สนใจในเรื่องนี้ศึกษา ได้จากตำราและจากการสังเกตชีวิตจริงของตนและของคนอื่น จะช่วยความเข้าใจได้มาก

เราอาจแบ่งบุคคลในกรณีนี้ ได้ 3 ประเภทด้วยกัน คือ 

1. ประเภทดีด้วยกัน คือทั้งสองฝ่ายหรือทั้งหมด ได้เคยทำบุญทำความดี สร้างบารมีร่วมกันมา เรียกว่ามีดีเท่ากันว่างั้นเถอะ ประเภทนี้ก็มักจะเกิดมาดีด้วยกัน ได้ดีพอๆกันเช่นตำนานเรื่อง มฆมาณพสร้างถนนสร้างศาลามาด้วยกัน กับพวกอีก ๓๒ คน ตายไปแล้วได้เสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นต้น ประเภทนี้ ความดีมีเท่ากัน จึงได้ดี ได้พบความดีมีสุข และเสวยความดีอยู่ด้วยกันได้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้มีคุณธรรมเสมอกันนั่นเองที่เห็นง่ายๆ ในประเทศนี้ก็คือ ถ้าเป็นสามีภรรยากัน สามีก็ดี ภรรยาก็ดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเห็นอกเห็นใจกัน เรียกว่าดีทั้งคู่ถ้าเป็นพ่อแม่ลูกกัน ก็ดีทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งลูกพ่อแม่ก็รักลูก ทำเพื่อลูก และเป็นผู้นำที่ดีของลูกฝ่ายลูกก็เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เชื่อฟังตั้งอยู่ในโอวาท รักเคารพพ่อแม่ด้วยใจจริงถ้าเป็นเพื่อน ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ช่วยเหลือกันด้วยน้ำใจ ไม่ชักชวนกันไปในทางเสียหาย เป็นต้น

2. ประเภทเสียด้วยกัน คือทั้งสองฝ่ายเคยทำบาปทำกรรมร่วมกันมา มีความชั่วพอๆกัน ชอบเรื่องร้ายๆพอกันอย่างนี้ก็เกิดมาพบกันอีก และอยู่ด้วยกันได้ แม้จะลุ่มๆดอนๆก็ไม่ค่อยแยกกันถึงคราวสุขก็สุขด้วยกัน ถึงคราวทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกันได้ประเภทนี้ก็เช่นกัน ถ้าเป็นสามีภรรยากันก็ประเภทหญิงร้ายชายเลวนั่นแหละ หรืออย่างพวกนักเลงเที่ยว นักเลงพนัน นักเลงสุรา จนกระทั่งนักเลงปล้นจี้ เป็นต้นคือชอบอย่างเดียวกัน ย่อมไปด้วยกันได้

3. ประเภทมีเวรต่อกัน คือประเภทที่อีกฝ่ายหนึ่งอาจดี แต่อีกฝ่ายอาจเสีย ฝ่ายดีก็จะถูกฝ่าย เสียคอยรบกวน คอยรังควาน คอยทำลายอยู่เรื่อย ไม่โดยตรงก็โดยอ้อมอย่างกรณีที่ยกตัวอย่าง มา เช่นบางรายพ่อแม่ดี แต่ลูกไม่ดี บางรายครอบครัวดี แต่บริวารนำความเดือดร้อนมาให้นั่นแหละ กรณีอย่างนี้เกิดขึ้น เพราะทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังผูกเวรจองกรรมไว้ จึงต้องมาพบกัน คอยขัดขวางกันอยู่ร่ำไปไม่ต้องอื่นไกลหรอก แม้แต่พระพุทธองค์ยังทรงมีมารคอยผจญ มีพระเทวทัตคอยทำลาย และมีนักบวชต่างศาสนาคอยล้างผลาญเลยนี่แหละอำนาจ ของเวรล่ะ ลองได้ก่อไว้ หรือถูกก่อไว้ ก็เป็นได้ตามผจญกันไม่สิ้นสุดสักที ประดุจเวรของงูกับ พังพอน เวรของกากับนกเค้า และเวรของมนุษย์ผู้ถือตัวจัดในเรื่องศาสนากับผิวในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ละเวรเสีย อย่างน้อยก็ด้วยการรักษาศีล ตั้งมั่นอยู่ในศีล เพราะศีลเป็นเวรมณีเป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้หมดเวรได้ แม้อย่างกรรมก็เช่นกัน ไม่ว่าจะทำคนเดียว หรือร่วมทำกับใคร หากเป็นกรรมชั่วกรรมเสียแล้ว ท่านว่าไม่ควรทำทั้งนั้น

เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก : ธรรมะไทย

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่