ฟักทองต้มวันละ 2-3 ชิ้น ผิวสวย แถมลดลงได้มาก
หลายๆท่านได้แนะให้เลือกทานฟักทองในทุกๆวัน เป็นสมุนไพรที่ได้ประโยชน์ที่ดีมากๆต่อสุ ข ภ าพร่างกายของเราให้แข็งแรง และในหลายๆบ้ านนั้น มักนิยมนำฟักทองมาเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารต่างๆได้อย่างหลากหลายเมนู และฟักทองนั้นนอกจากนำมาทำเป็นเมนูอาหารของคาวแล้ว ยังนำมาทำเป็นเมนูของหวานและเครื่องดื่ม ดีๆที่ได้ให้ประโยชน์อย่างมาก
ประโยชน์ของฟักทอง
– เมื่อเราทานฟักทองอยู่เป็นประจำนั้น ในฟักทองจะมีส า รต้านอนุ มู ล อิสระที่ดีมากๆต่อร่างกายของเรา ช่วยในเรื่องของการชะลอวัย ลดริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นก่อนวัยอันควรได้เป็นอย่างดี
– เป็นตัวช่วยในการดูแลผิวพรรณ มีคอล ลาเจนที่จะช่วยให้ผิวของเรานั้นมีความขาวใส จากภายในสู่ภายนอกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
– ช่วยบำรุงสายตาและช่วยให้มีการมองเห็นที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะมีเบต้าแคโรทีนสูง ที่เป็นตัวช่วยดูแลในเรื่องของสายตา
– ในฟักทองจากมีตัวช่วยที่ดีที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในโลหิตได้ ซึ่งเหมาะมากๆสำหรับผู้ที่เป็นเบา หวาน ทานฟักทองอยู่เป็นประจำจะช่วยลดระดับน้ำตาลได้เป็นอย่างดี
– ฟักทองเป็นพืชผักสมุนไพรที่ได้ให้พลังงานต่ำมีไขมันที่น้อยมากๆ สำหรับผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนักอ ย า กมีน้ำหนักที่ลดลง ให้เลือกทานฟักทองอยู่เป็นประจำจะได้ผลที่ดี
สูตรน้ำฟักทองทำกินทำขายได้
ฟักทอง 1 ผล , น้ำสะอาด 2 ลิตร , เกลือ 2 ช้อนชา , นมจืด 1 กล่อง (200 มิลลิลิตร) , น้ำตาล ความหวานใส่ตามใจชอบ
วิธีทำ
1 นำฟักทองมาล้างน้ำให้สะอาด ทำการปอกเปลือกนำมาหั่นเป็นชิ้น และล้างทำความสะอาดเพื่อเอายางเหนียวด้านในออกให้หมดไป
2 เมื่อทำการหั่นและล้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ให้เรานำใส่หม้อน้ำต้มเดือดนานประมาณ 15 นาที จากนั้นให้เราตักขึ้นพักไว้ให้คลายความร้อน
3 เมื่อหายร้อนดีแล้ว ให้เรานำฟักทองมาทำการบดและให้นำหม้อต้มฟักทองที่มีน้ำอยู่นั้นไปทำการตั้งไฟให้ร้อน ไม่ต้องเดือดมาก
4 ตามด้วยการใส่เนื้อฟักทองบดลงไป ทำการเคี่ยวไปเรื่อยๆ ใช้ไฟกลาง ต้มให้ร้อนแต่ไม่ต้องเดือดมากจนเกินไป ตามด้วยการใส่นมจืดลงไปเคี่ยวและทำการต้มต่อเป็นเวลานานประมาณ 2-3 นาที
5 ปรุงรสชาติด้วยเติมเกลือ น้ำตาลทราย และให้เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนละลายดี ชิมรสชาติให้ได้ตามความชอบ แนะนำว่าไม่ต้องหวานมาก ให้มีความหอมและความคกลมหล่อม เมื่อได้ที่ให้เราปิดไฟเอาไว้ให้เย็นตัว พร้อมกับเสริฟ์ใส่แก้วดื่มร้อนๆได้เลย
สำหรับคนที่มีระดับน้ำตาลในโลหิตมาก ให้แนะนำเติมน้ำตาลน้อยๆ หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลมะพร้าวแทนได้ให้รสชาติความหวานได้เหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : liekr , shar e-si