เปิดภาพถ้ำหลวง 1 ปีเต็ม หลังน้ำภายในถ้ำแห้ง เต็มไปด้วยของช่วยเหลือ 13 หมูป่า
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าเป็นข่าวทั่วทั้งโลกที่ต้องจดจำและพูดถึง เพราะได้ระดมกำลังคนเป็นจำนวนมากที่มีความสามารถทั่วรอบโลก มายังถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อทำการช่วยเหลือเด็กจำนวน 13 ชีวิตทีมหมูป่าอคาเดมี่ ที่ได้เข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวงเป็นเวลาหลายวัน ทำให้มีผู้คนจำนวนมากติดตามกระแสข่าวและคอยลุ้นการช่วยเหลือให้เด็กออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัยทุกคน
และล่าสุดผู้ใช้ FacebookPR.Chiangrai ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้ทำการเผยแพร่ภาพในถ้ำหลวงที่ถูกปิดหลังจากเสร็จภารกิจ 13 หมูป่า ก็ไม่ได้มีใครเข้าไปในถ้ำอีกเลย แต่ของในถ้ำเต็มด้วยสิ่งของต่างๆในการช่วยเหลือในการกู้ภัยที่ไม่สามารถนำออกมาหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจได้ เพราะยังมีน้ำขังท่วมเต็มไปหมด และในวันนี้น้ำในถ้ำได้แห้งหมดแล้วจึงทำการประกาศเปิดทำเพื่อเป็นการนำสิ่งของที่ยังติดค้างอยู่ภายในออกมาให้หมด และปิดการท่องเที่ยวอุทยานชั่วคราว อย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับระบุข้อความดังกล่าวเอาไว้ว่า
19 กุมภา 62 ถ้ำหลวงปิด งดเที่ยว ให้หน่วยชีลเข้าขนอุปกรณ์ ยังไม่มีกำหนดเปิด.. วันนี้ (15 ก.พ.) คณะทำงานบูรณะปรับปรุงฟื้นฟู อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ได้ปิดปากถ้ำหลวงสถานที่ที่เคยมีปฏิบัติการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีจำนวน 13 คนเมื่อกลางปี 2561 ที่ผ่านมาและปัจจุบันยังคงมีอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ คงค้างอยู่ภายในถ้ำเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุดทางอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ได้มีประกาศอุทยานฯ มีเนื้อหาว่าจะมีการปิดการท่องเที่ยวถ้ำหลวงตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.นี้เป็นต้นไปเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำโดยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือหรือหน่วยชีล กองทัพเรือ ได้เข้าไปขนย้ายอุปกรณ์ทั้งหมดดังกล่าวออกมาจากถ้ำและทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในทางราชการในอนาคต ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานจึงได้ทำการปิดไปจนกว่าภารกิจดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
ในส่วนของพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะขุนน้ำนางนอนหรือสระมรกตที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ตามปกติต่อไป
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ทางเจ้าหน้าที่นำโดยกรมอุทยานแห่งชาติ หน่วยชีล หน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มิสเตอร์เวิร์น อันสเวิร์ธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ ได้เข้าไปสำรวจภายในถ้ำหลวงครั้งแรกนับตั้งแต่ปิดปฏิบัติการช่วยเหลือเมื่อกลางปี 2561 มาแล้วโดยเดินลึกเข้าไปตั้งแต่ปากถ้ำซึ่งเป็นโถงที่ 1 และไปยังโถงที่ 2 และ 3 ตามลำดับลึกประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า ซึ่งได้พบว่าภายในถ้ำมีอุปกรณ์ประกอบด้วยสายไฟฟ้า ท่ออากาศ วิทยุสื่อสาร ถังอ๊อกซิเจนคงค้างอยู่กว่า 300 ถังโดยมีมากที่โถงที่ 3 ซึ่งใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการขณะเกิดเหตุและโถงที่ 2 ซึ่งเป็นโถงใหญ่อีกแห่งหนึ่ง เปลสนามและสายเชือกที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงเส้นทางถึงกันไปตลอดรายทาง เครื่องสูบน้ำ กระดาษฟรอยด์ อาหารพาวเวอร์เจล ขยะ ฯลฯ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินหน้าจากโถงที่ 3 ผ่านสามแยกไปทางเนินนมสาวระยะทางอีกประมาณ 700 เมตร เพื่อสำรวจอุปกรณ์ต่อไปได้เนื่องจากน้ำยังคงท่วมและมีทรายอุดตัน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ถอนตัวออกจากถ้ำแต่ได้เก็บภาพและข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้กระทั่งมีการประกาศปิดการท่องเที่ยวครั้งใหม่เพื่อจะเข้าไปเก็บกู้ออกมาดังกล่าว ทำให้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการเข้าไปเก็บกู้ครั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าผ่านสามแยกไปยังเนินนมสาวได้หรือไม่
ขณะที่ภายในนอกปากถ้ำเจ้าหน้าที่ได้มีการกั้นรั้วและติดป้ายเอาไว้ตั้งแต่ปิดปฏิบัติการช่วยเหลือแล้ว แต่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนได้ทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันไปเยือนโดยเดินจากปากทางเข้าไประยะทางประมาณ 800 เมตร ภายในยังมีศาลาอนุสรณ์สถานและอนุสาวรีย์นาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม ผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการช่วยเหลือดังกล่าวสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิติพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายที่ระดมศิลปินชาวเชียงรายร่วมกันสร้าง
ซึ่งจากประกาศดังกล่าวข้างต้น ทำให้เจ้าหน้าที่จะมีการปิดถ้ำ ตั้งแต่ปากทางเข้าเพื่อใช้ พื้นที่หน้าถ้ำเป็นสถานที่นำอุปกรณ์ต่างๆที่เก็บกู้ออกมาจากภายในถ้ำนั้น ออกไปวางรวบรวมและทำการแยกประเภทเพื่อที่จะดำเนินการขนส่งคืนหน่วยงานเดิมที่เข้ามาช่วยเหลือ หรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกภายในพิพิธภัณฑ์ในอนาคตต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : PR.Chiangrai ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย