ฝากเตือน! สัญญาณอันตรายจาก “มือเท้าชา”
หลายๆ คนคงเคยเกิดอาการ “ชาตามปลายมือปลายเท้า” อยู่บ้างซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจกับอาการที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว และสามารถหายได้เอง แต่หารู้ไม่ว่า “อาการชา” ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา ก็อาจจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ และความรู้สึกรับรู้ลดลงจนหมดความรู้สึกได้
นพ.สมชาย โตวณะบุตร แพทย์ทรงคุณวุฒิทางอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา ได้กล่าวระหว่างการจัดกิจรรม “Care your love, care your Nerve” ซึ่งสถาบันประสาทวิทยา ร่วมกับ บริษัท เมอร์ค จำกัด จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอาการชาปลายประสาทอักเสบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ต้องระวัง โดยอธิบายเกี่ยวกับโรคปลายประสาทอักเสบว่า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เฉลี่ย อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ คนที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ คนที่ร่างกายขาดวิตามินบางชนิด (วิตามิน บี 1 บี 6 บี 12) และคนที่รับประทานยาบางตัวที่มีผลข้างเคียงต่อ เส้นประสาท
ทั้งนี้ ระบบประสาทของเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ “ระบบประสาทส่วนกลาง” ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง ซึ่งมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และส่งคำสั่งโดยกระแสประสาท และ “ระบบประสาทส่วนปลาย” ทำหน้าที่รับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางและส่งต่อคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เราสามารถเคลื่อนไหวและรับรู้ ความรู้สึกได้ โดยระบบประสาทส่วนปลายมีเส้นประสาททำหน้าที่เหมือนเป็นสายไฟฟ้าในการนำคำสั่งไปตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเส้นประสาทส่วนปลายที่ออกจากสมอง มีอยู่ทั้งหมด 12 คู่ซ้ายขวา แต่ละคู่ควบคุมการทำงานในแต่ละส่วนของร่างกายที่แตกต่างกันไป โดยเส้นประสาทที่มักพบอาการอักเสบ และเห็นความผิดปกติของร่างกายได้ชัด เช่น
เส้นประสาทคู่ที่ 7 เป็นเส้นที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหน้าเบี้ยวใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในช่วงที่เราทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
เส้นประสาทคู่ที่ 8 ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้สูญเสียการทรงตัวเกิดอาการบ้านหมุนตามมาบางรายอาจเกิดเสียงแว่วในหู หรือ หูดับ
เส้นประสาทคู่ที่ 3, 4 และ 6 ถ้าเกิดการอักเสบ มักจะพบในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน อาการที่เจอคือ เห็นภาพซ้อนใน แนวใดแนวหนึ่ง
และเส้นประสาทที่อาจจะพบการอักเสบ ได้อีก ได้แก่ เส้นที่ 5 จะมีอาการปวดเสียวแปล๊บๆ บนใบหน้า เหมือนไฟฟ้าช็อต มักเกิดซีกใดซีกหนึ่งของหน้า นอกจากนี้ยังมี เส้นประสาทที่ออกจากไขสันหลัง อีกหลายสิบคู่ ซึ่ง นพ.สมชาย อธิบายว่า อาจเจอในเรื่องของเส้นประสาทถูกกดทับ หรืออักเสบได้จากการที่เราใช้อวัยวะ อาทิ คอ มือ เอว ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องนานๆ โดยกลุ่มแม่บ้าน คนที่ใช้มือเยอะๆ เช่น คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนที่พิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ รวมไปถึงคนที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อม อาจจะพบ เส้นประสาทถูกกดทับได้มากกว่าคนทั่วไป อาการที่พบคือ ชา ปวดแปล๊บๆ ปวดร้อนๆ ซ่าๆ ตามบริเวณที่ถูกกดทับ หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ก็จะมีโอกาสทุเลาลง หรือหายขาดได้ แต่ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่สนใจ และปล่อยให้อาการเหล่านี้เกิดต่อเนื่องเรื่อยๆ และทวีความรุนแรงขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือ ไม่สามารถรับความรู้สึกได้เหมือนเดิม
การดูแลตัวเอง
และป้องกันไม่ให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบ เป็นสิ่งสำคัญ วิธีการป้องกันสามารถทำได้โดย การพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลิกดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันไม่ให้เส้นประสาทเสี่ยงต่อการถูก กดทับ โดยผู้ที่มีอาการใกล้เคียงกับอาการข้างต้น สามารถ เข้ารับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น จากสถานพยาบาล ทั่วประเทศ
ข้อมูล :กรมควบคุมโรค