รวมเคล็ดลับ การปลูกผักสวนครัวทำแบบนี้ได้กินแน่นอน คนไม่เคยปลูกผักก็ทำได้

0

รวมเคล็ดลับ การปลูกผักสวนครัวทำแบบนี้ได้กินแน่นอน คนไม่เคยปลูกผักก็ทำได้

วันนี้เราได้รวบรวมความรู้ต่างๆในการปลูกพืชผักสวนครัว ที่ไม่ว่าจะใครก็สามารถอ่านและทำตามกันได้ทั้งนั้น มือใหม่หัดปลูกต้องทำอย่างไรบ้าง เตรียมอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

กะเพรา

ผักสวนครัวสามัญประจำบ้านที่ทุกหลักควรมีติดไว้ ปลูกง่าย โตง่าย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา สามารถปลูกจากเมล็ด หรือ ปักชำจากกิ่งที่เหลือจากการซื้อมาทำอาหารก็ได้ พอต้นโตออกดอกเป็นเมล็ด เมล็ดที่ร่วงหล่นลงพื้นก็จะงอกเป็นต้นใหม่ได้อีก หลังเพาะประมาณ 7 – 10 วัน เมล็ดเริ่มงอกให้รดน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอทุกวัน หลังปลูกไปประมาณ 30 – 35 วันก็เก็บรับประทานได้ เคล็ดลับที่จะทำให้ต้นกะเพราเก็บรับประทานใบได้นานๆ ก็คือ อย่าให้ออกดอก พอออกดอกแล้วต้นจะโทรม อายุสั้น ถ้าออกดอกก็ให้หมั่นตัดทิ้ง

พริกขี้หนู

ผักสวนครัวที่มีสรรพคุณความเผ็ดร้อนของเจ้าพริกขี้หนูเม็ดจ้อย พริกขี้หนูสามารถปลูกได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี พริกขี้หนูเป็นพืชที่มีอายุเก็บเกี่ยวได้หลังย้ายกล้าลงปลูก 60 – 90 วัน การเก็บเกี่ยวควรเก็บทุก 5 – 7 วันโดยใช้วิธีเด็ดทีละผล อย่าเก็บทั้งช่อ เพราะผลแต่ละช่อแก่ไม่พร้อมกัน พริกขี้หนูสามารถเก็บได้ยาวนานถึง 6 เดือน

ต้นหอม

ต้นหอมที่เรารับประทานกันคือผลผลิตจาก “หอมแบ่ง” ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับหอมแดง วิธีการปลูกต้นหอมสามารถเพาะจากเมล็ดได้ แต่อาจเติบโตไม่ทันใจ และผลผลิตไม่ค่อยสวยงาม วิธีการที่ง่ายที่สุดคือเปิดตู้เย็น และตัดเอารากของต้นหอมมาปักลงดิน ซึ่งตามธรรมชาติของหอมแบ่งนั้นสามารถขึ้นในดินแทบทุกประเภท แต่ชอบดินร่วน ชอบอากาศชุ่มชื้น ได้แสงแดดเต็มที่ตลอดวันชอบอากาศเย็น หอมแบ่งเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 40-50 วัน หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านั้นนำหอมแดงที่ใช้ทำอาหารมาฝังลงดินรดน้ำไม่กี่วันก็ได้ต้นหอมให้ตัดไปใส่ไข่เจียวแบบง่ายๆแล้ว

มะเขือเทศ

ผักสวนครัวผลสีแดงอาจเป็นเมนูโปรดของหลายครอบครัว มะเขือเทศเป็นพืชที่เจริญได้ดีในดินทั่วไป แต่ที่เหมาะสมที่สุดคือดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำและอากาศดี แต่ในสภาพที่ชื้นแฉะ จะทำให้รากขาดออกซิเจน ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้นหากมีน้ำขังหลายวัน จะต้องระบายน้ำออก ที่สำคัญคือต้องไม่ปลูกซ้ำในแปลงเดียวกันนานหลายปี เพราะจะเกิดการสะสมของโรค ซึ่งยากต่อการป้องกันกำจัด และด้วยคุณสมบัติของการเป็นไม้เลื้อย การปลูกมะเขือเทศยังทำให้ได้สังเกตการเติบโต และการเคลื่อนไหวของต้นไม้จากการขดเลื้อยไปมาบนราง หรือไม้ค้ำที่นำมาปักเป็นทางให้มะเขือเทศอีกด้วย

ผักบุ้ง

หนึ่งในเมนูคู่ครัวทุกบ้านจะต้องมีผักบุ้งไฟแดงอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน ผักบุ้งเป็นไม้ล้มลุกที่ปลูกง่าย และยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา บรรเทาอาการระคายเคืองจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้ด้วย ผักบุ้งที่นิยมปลูกในดินคือผักบุ้งจีน โดยใช้วิธีหว่านเมล็ดลงแปลงได้โดยตรง กระซิบนิดหนึ่งว่า ผักบุ้งจีนนี้เพียง 48 ชั่วโมงหลังจากหว่านเมล็ด เราก็จะได้ตื่นเต้นกับเมล็ดเล็กๆ ที่เริ่มงอกให้เห็นใบอ่อนอย่างรวดเร็ว สามารถปลูกได้หลายวิธี วิธีหนึ่งที่นิยมกันคือ ปลูกผักบุ้งในตะกร้าลอยน้ำ

ถั่วงอก

ผักสวนครัวที่เราคุ้นชินตั้งแต่เด็กมักเริ่มต้นขึ้นที่ถั่วเขียว ซึ่งจะเจริญเติบโตเป็นถั่วงอก สามารถนำมาประกอบอาหารได้ด้วย ทั้งนี้เมล็ดถั่วเขียวที่เลือกใช้จะต้องสะอาด ไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ และนำเมล็ดมาทำความสะอาดก่อนเพาะ โดยการแช่เมล็ดถั่วในน้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 50 – 60 องศาเซลเซียส หรือผสมน้ำเดือดจัด 1 ส่วน กับน้ำเย็น 1 ส่วน ตักเมล็ดที่ลอยทิ้งไปแช่ทิ้งไว้จนน้ำเย็น แล้วแช่ต่อไปนาน 6 – 8 ชั่วโมง วิธีนี้นอกจากจะฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังกระตุ้นให้ถั่วงอกงอกได้เร็วขึ้นด้วย ส่วนภาชนะที่ใช้เพาะควรมีสีทึบเพื่อป้องกันแสงสว่าง มีรูระบายน้ำทั้งด้านล่างและด้านข้าง ขนาดของรูจะต้องเล็กกว่าเมล็ดถั่ว และภาชนะเพาะจะต้องสะอาดเสมอ หรือ สามารถเพาะในขวดพลาสติกเหลือใช้แบบง่ายๆ ได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ผักสวนครัวที่นำมาให้ดูนั้นเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราปลูกไว้ทานเองที่บ้านนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาทำอาหารแล้ว ยังสามารถนำไปขายสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย

เทคนิคดูแลผักสวนครัวตามฤดูกาล

การปลูกผักในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงที่พืชผักหลายชนิดเติบโตได้ดี ซึ่งรวมไปถึงวัชพืชด้วย เราจึงต้องหมั่นถอนหรือกำจัดวัชพืชอยู่เสมอ เพื่อให้ผักสวนครัวของเราได้รับสารอาหารและเติบโตเต็มที่ หากมีการปลูกในพื้นที่โล่งหรือที่กลางแจ้ง เราควรหาหลังคาหรือตาข่ายบางๆ มาบังเพื่อลดแรงกระแทกของน้ำฝน หรือจะใช้ฟางแห้ง หญ้าแห้ง มาคลุมดินก็ได้ เพื่อไม่ให้น้ำฝนที่ตกลงมาทำลายหน้าดินและรากผักจนได้รับความเสียหาย และ เพื่อป้องกันเชื้อราที่มากับฤดูฝน อาจจะใช้วิธีธรรมชาติอย่างการน้ำสมุนไพรที่มีรสขมและรสฝาด เช่น ผงขมิ้นชัน ผงฟ้าทะลายโจน กระเทียมตำแหลก มาผสมกับน้ำ แล้วนำไปฉีดที่แปลงผักของเราหลังฝนตกใหม่ๆ ก็สามารถช่วยได้

การปลูกผักในช่วงฤดูหนาว เป็นอีกช่วงฤดูกาลหนึ่งที่ทำให้พืชผักได้ผลผลิตงาม แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของศัตรูพืชและโรคพืชเช่นกัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอากาศเย็นจัดและมีน้ำค้าง ซึ่งมักจะมีความชื้นสะสม อาจป้องกันด้วยน้ำหมักสมุนไพรธรรมชาติ

การปลูกผักในช่วงฤดูร้อน ควรปลูกผักที่ทนร้อนทนแล้งได้ดี ถึงแม้ว่าผักที่นำมาปลูกนี้จะทนร้อนทนแล้ง แต่ผักสวนครัวบางชนิดก็ต้องหมั่นรดน้ำ ทั้งเช้าและเย็น พรวนดินให้ร่วมซุยแล้วทำการคลุมด้วยฟางข้าว เพื่อป้องกันแดดเผาใบและเพื่อรักษาความชุ่มชื่นของผักที่ปลูกไว้ให้เพียงพอ

สูตรน้ำสมุนไพรทำเองป้องกันศัตรู และโรคพืช

สูตร 1 กระเทียม คุณสมบัติของกระเทียมมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง ใช้เป็นสารขับไล่แมลงได้ โดยกระเทียมจะช่วยหยุดยั้งการกินอาหารของแมลง และฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และศัตรูพืชต่างๆ เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หนอนกระทู้ผัก ด้วงปีกแข็ง โรคราน้ำค้าง โรคราสนิม

วิธีใช้ ใช้กระเทียม 1 กำมือ โขลกให้ละเอียด เติมน้ำร้อนครึ่งลิตร แช่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง นำมากรองกากกระเทียม แล้วเอาน้ำที่กรองได้มาผสมกับน้ำเปล่าอีก 4 ลิตร เติมสบู่ครึ่งช้อนโต๊ะ แล้วใช้ฉีดพ่นไล่แมลง วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2 วัน ในตอนเช้า

สูตร 2 ขมิ้นชัน เหง้าของขมิ้นชันมีน้ำมันหอมระเหย ที่สามารถขับไล่และกำจัดแมลงได้หลายชนิด เช่น หนอนกระทู้ผัก หนอนผีเสื้อ ด้วงงวงช้าง ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว มอด ไรแดง

วิธีใช้ นำขมิ้นครึ่งกิโลกรัมมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำ ประมาณ 16 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 – 2 วัน กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำไปฉีดพ่นกำจัดแมลง

ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทู้พันทิป , baanlaesuan.com , วิชาชีวิต

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่