ชอบเรื่องนี้มาก!! “ปลาทูไหม้” ยังอ่านได้ตลอดๆ อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเอง!

0

ชอบเรื่องนี้มาก!! “ปลาทูไหม้” ยังอ่านได้ตลอดๆ อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเอง!

แม่ของผมชอบทำอาหาร…คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า
และทำอาหารเย็นให้เราปกติ

ที่โต๊ะอาหาร แม่วางจานที่มีปลาทูไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้า พ่อ และทุกๆ คน…. ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร…..

แต่…พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

คืนนั้นหลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า แม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทูไหม้… และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย “โอย…ผมชอบปลาทูทอดเกรียมๆ…อร่อยมากจ๊ะ…ที่รัก”

คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ และไปกอดพ่อ และถามพ่อว่า พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ พ่อกอดผมไว้ และ ตอบว่า….

“แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน… ปลาทูไหม้ 1 ตัวไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูดว่ากัน ต่างหากที่จะทำร้ายกัน”

ชีวิต… เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคนก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ลืมวันเกิดภรรยา ลืมวันครบรอบวันแต่งงาน เหมือนกับคนอื่นๆ

แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้ ในช่วงชีวิตคือ…..

การเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดของคนอื่น และการเลือกที่จะยินดีกับความต่างกันของแต่ละบุคคล เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและยืนยาว

ชีวิตสั้นเกินกว่า จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจว่า เราทำผิดกับคนที่เรารัก และ รักเรา ดูแล และทะนุถนอม คนที่รักคุณ และเข้าใจในคนที่ไม่ชอบคุณ

มีความสุขกับชีวิตนะ  เพราะ….มันมีวันหมดอายุ…

ข้อคิดดีๆ อยากให้แบ่งไปใช้กัน รับรองว่าจะต้องได้แนวคิดใหม่ๆไปแน่

เราจะบีบแตรใส่คนที่ยืนยึกยักข้างถนนแยกที่ผ่านมามั้ย?..ถ้ารู้ว่าเขาใส่ขาเทียม

เราจะเดินเบียดชนคนที่เดินช้าๆ ข้างหน้าเรามั้ย?..ถ้ารู้ว่าเขาเพิ่งตกงาน

เราจะขำ และนินทาคนที่แต่งตัวเชยๆ มั้ย?..ถ้ารู้ว่าเขามีชุดตัวเก่งแค่ชุดเดียว

เราจะรำคาญสาวโรงงานที่มาเดินพารากอนมั้ย?..ถ้ารู้ว่านี่คือการเก็บเงินมาฉลองวันเกิดของเธอ

เราจะหมั่นไส้รำคาญลุงโต๊ะข้างๆที่คุย และหัวเราะเสียงดังมั้ย?..ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ในมะเร็งระยะสุดท้าย

เรารู้ชัดเสมอว่าเรากำลังเจออะไร แต่เราไม่มีวันรู้ว่าคนที่เราพบนั้นเค้าเจอกับอะไรมาบ้าง

ผมจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยได้รับการแชร์บทความข้างต้นนี้มาจากไหนแต่ชอบมากเลยเซฟเก็บไว้

ผมเคยสงสัยว่าทำไมตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จสักทีทั้งๆที่ผ่านมาผมทุ่มเททำงานอย่างหนัก เอ..นี่เราทำอะไรผิดไปรึเปล่า

มารู้ตัวอีกที อ่อ..เป็นเพราะผมชอบตัดสินคนอื่นด้วยวิธีการมองโลกในแง่ร้ายของตัวเองมาตลอดนั่นเองที่เป็นอุปสรรคทำให้ผมไปไม่ถึงฝั่งฝัน

และเมื่อผมพยายามหัดมองโลกในแง่ดีชีวิตผมก็เริ่มเปลี่ยน โธ่..กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสาย ทำพลาดมาตั้งครึ่งชีวิตแต่ก็ยังดีที่ไหวตัวทัน

มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ครับ มองหามุมดีๆในทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรารวมถึงคนที่เราพบเจอ

ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเรามันจะเลวร้ายแค่ไหนพยายามตีความหมายมันใหม่ให้เป็นเรื่องดีทั้งหมด..อันนี้สำคัญมาก

มนุษย์ส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับนิสัยคิดลบซึ่งเป็นเรื่องปกติ สังเกตุว่าข่าวร้ายๆ เรื่องราวลบๆ จะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ

การคิดบวก และการมองโลกในแง่ดีต้องได้รับการฝึกฝนครับ ต้องฝึกตัวเองทุกวัน

ผมรู้ว่ามันยาก มันฝืนความรู้สึก แต่ผมฝึกทำแบบนี้แค่ 4 ปีมีเป็นร้อยล้าน

และทุกวันนี้กำลังฝึกลูกชายอายุ 13 ขวบให้คิดแบบนี้อยู่จะได้ไม่ต้องหลงทางมาตั้งครึ่งชีวิตแบบพ่อ

อ่านมาถึงตรงนี้คุณลองฝึกตัวเองแบบผมดูสัก 6 เดือนสิครับ ได้ผลอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังบ้างก็ดี

ขอขอบคุณ : ธีรพงศ์ เธียรพัฒนพล, คอลัมน์ โลกสองวัย มติชนรายวัน

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่