10 ความลับของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ที่พนักงานจะไม่บอกคุณ !!!
วันนี้เรา จะพามาดูอีกมุมมองหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอย่ากินอาหารพวกนี้มากจนเกินไปกับ “10 ความลับของร้านอาหารจานด่วนที่พนักงานจะไม่บอกคุณ” !!!
1. ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับอาหารจานด่วน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปร้านอาหารคือช่วงเวลาที่เรียกว่า “ชั่วโมงเร่งด่วน” คือในระหว่าง เวลา 11:00-13:00 และระยะเวลา 18:00-20:00 ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายในการหาโต๊ะแต่นี่เป็นช่วงเวลาที่มีการเสิร์ฟอาหารสดใหม่
2. ถ้าต้องการมันฝรั่งทอดสดๆให้สั่งแบบไม่ใส่เกลือ
มันฝรั่งทอดที่ปรุงรสมาแล้วเมื่อทอดเสร็จมันจะเค็มในทันที ดังนั้นถ้าอยากได้มันฝรั่งที่สดใหม่ให้สั่งแบบไม่ใส่เกลือ พนักงานจะทำอันใหม่ให้แก่คุณ
3. กลิ่นอาหารจากห้องครัวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการตลาด
การเดินทางผ่านสถานที่ขายอาหารจานด่วนบางแห่งเป็นการยากที่จะต้านทานกลิ่นที่ดูอร่อยของอาหาร นี่คือเหตุผลที่ร้านอาหารหลายแห่งพยายามทำให้กลิ่นของการปรุงอาหารมาถึงจมูกของผู้คนที่ผ่านไปมา บางแห่งถึงกับเปิดประตูครัวทิ้งไว้
4. น้ำอัดลมมีราคาถูกกว่าชาเพราะมันช่วยกระตุ้นความหิว
ในร้านอาหารจานด่วนน้ำอัดลมมีราคาถูกกว่าชา เนื่องจากพวกเขาต้องการให้คนซื้อน้ำอัดลมมากขึ้น เพราะไม่สามารถดับความหิวกระหายได้ด้วยน้ำอัดลมและลูกค้าจะซื้ออีกครั้ง นอกจากนี้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร
5. มันฝรั่งทอดมีส่วนผสมถึง 19 ชนิด
รสชาติในตำนานของมันฝรั่งทอดในร้านอาหารจานด่วนทำได้โดยการ ใส่ส่วนผสมเกือบ 20 ส่วนผสม มันฝรั่งเป็นส่วนผสมหลัก ส่วนอีก 18 ชนิดคือ ไขมัน วัตถุเจือปน และสารปรุงแต่งรส นั่นทำให้อาหารไม่ปลอดภัยสักเท่าไร
6. การเป็นลูกค้าคนแรกในร้านไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด
อย่าไปที่ร้านอาหารจานด่วนทันทีหลังจากที่มันเปิดทำการ เพราะการทำความสะอาดอุปกรณ์ในห้องครัวด้วยสารเคมีที่เข้มข้นมันยังสามารถคงอยู่บนเครื่องครัวและเคาน์เตอร์ในตอนเช้าและอาจแทรกซึมเข้าไปในอาหารของคุณ
7. อาหารจานด่วนวันนี้มีแคลอรี่มากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา
อาหารฟาสต์ฟู้ดที่เราชื่นชอบในปัจจุบันได้มีจำนวนแคลอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตัวอย่างเช่น ชีสเบอร์เกอร์มีแคลอรี่มากกว่า 75% เทียบกับ รุ่นก่อนจากทศวรรษที่ 1980 ใน20 ปีที่ผ่านมามันฝรั่งทอดมีแคลอรี่น้อยกว่าเดิม 2 เท่า ส่วนพิซซ่ามีแคลอรี่ เพิ่มขึ้น 70%
8. ปริมาณน้ำตาลในมิลค์เชคสูงกว่าเกณฑ์ปกติ 2-3 เท่าต่อวัน
มิลค์เชคเป็นหนึ่งในสินค้าคลาสสิกในร้านฟาสต์ฟู้ด เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน โดยปริมาณปกติของน้ำตาลที่ควรได้รับทุกวันอยู่ที่ประมาณ 28-56 กรัมในขณะที่มิลค์เชค 1 แก้ว มีน้ำตาลประมาณ 85 กรัม
9. ทุกอย่างอร่อยกว่าเมื่อกินด้วยมือ
คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมร้านอาหารฟาสฟู๊ดถึงไม่มีส้อมและมีด คำตอบที่เป็นไปได้คือเมื่อคนกินด้วยมือเปล่า พวกเขาจะได้รับความสุขมากขึ้นและเป็นผลทำให้กินอาหารมากขึ้น
10. ตู้กดน้ำอัดลมสกปรกมาก
ตู้กดน้ำอัดลมในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นเรื่องยากที่จะทำความสะอาด ลองนึกภาพว่าจะมีแบคทีเรีย เชื้อโรค และเชื้อราจำนวนมากอยู่ที่นั่นเพราะสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยน้ำตาลเป็นแหล่งเจริญเติบโตได้ดีของเหล่าเชื้อโรค
ขอบคุณข้อมูลจาก : brightside