เผย คำแนะนำวิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่เกษตรโดยละเอียด

0

เผย คำแนะนำวิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่เกษตรโดยละเอียด

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าไฟเกษตรคืออะไร แต่ต่างจากไฟฟ้าในบ้านเรือนทั่วไปหรือไม่ ซึ่งความหมายจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ให้ความหมายว่า

ไฟเกษตรคือ การนำไฟฟ้ามาใช้ภายในสวนของเกษตรกรเพื่อทำการเกษตร เช่น ใช้กับเครื่องสูบน้ำ หลอดไฟต่าง ๆ เป็นต้น

โดยมีหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ 9 ข้อดังนี้

1. ได้รับการรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันตัวตนว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่หวงห้ามใดๆ ของทางราชการ

2. ต้องมีเส้นทางสาธารณะที่รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้อย่างสะดวก

3. สามารถดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายโดยวิธีปักเสาพาดสายไฟเข้าไปถึงจุดที่ขอใช้ไฟฟ้าได้

4. ได้รับการรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันขนาดพื้นที่และชนิดของกิจกรรมการผลิตทางการเกษตรที่ต้องการใช้ไฟฟ้า

5. ต้องระบุแหล่งน้ำที่จะใช้เพื่อการผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ที่ขอใช้ไฟฟ้า เช่น คลองสาธารณะ คลองชลประทาน แหล่งน้ำใต้ดินในลักษณะต่างๆ

6. ต้องมีเอกสาร/หลักฐานสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายของพื้นที่ทำการเกษตร แต่ต้องไม่ใช่ที่ดินที่ถือครองโดยเอกชนรายใหญ่

7. เป็นเกษตรกรรายย่อยที่ขอติดตั้งมิเตอร์ ขนาดไม่เกิน 15(45) แอมป์ ต่อ 1 ราย

8. ต้องสามารถออกใบแจ้งหนี้ค่ากระแสไฟฟ้ามิเตอร์เครื่องที่ 2 (ใหม่) โดยจะแจ้งเก็บเงินไปที่มิเตอร์เครื่องที่ 1 (เก่า) ทั้งสองมิเตอร์ต้องอยู่ในเขตพื้นที่ของการไฟฟ้าเดียวกัน

9. ค่าใช้จ่ายในการขยายเขตต่อราย เฉลี่ยไม่เกิน 50,000 บาท (PEA. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการขยายเขต)

เอกสารที่ต้องเตรียม

– ใบรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ

– สำเนาทะเบียนบ้าน

– สำเนาโฉนดที่ดิน

– สำเนาบัตรประชาชน

ค่าธรรมเนียมในการยื่นขอมิเตอร์ไฟฟ้า

– 5(15) แอมป์ ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท

– 15(45) แอมป์ 1 เฟส ค่าธรรมเนียม 6,450 บาท

– 15(45) แอมป์ 3 เฟส ค่าธรรมเนียม 21,350 บาทวิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่เกษตร

แต่ถ้าพื้นที่ของเรายังไม่มีอะไรเลยล่ะ จะทำยังไง ! วันนี้ผมมีขั้นตอนการขอไฟเกษตรตั้งแต่เริ่มต้นว่ามีกระบวนการอย่างไรบ้าง ที่จะทำให้มีไฟเกษตรเข้ามาในพื้นที่ ว่าแล้วไปกันเลยครับ

ผมมีความตั้งใจที่จะทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์เป็นของตัวเอง ด้วยการสนับสนุนของพ่อแม่บวกกับการลงมือทำอย่างต่อเนื่องจนมีพืชหลากหลายชนิดแล้วในไร่ ระบบน้ำที่บริหารจัดการโดยการเจาะน้ำบาดาลและการดูดน้ำจากลำห้วยขึ้นมาใช้ก็เริ่มที่จะลงตัวบ้างแล้ว

ระยะทางจากบ้านมาถึงไร่ห่างกันประมาณ 10 กม. การเดินทางไปมาค่อนข้างที่จะลำบาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกปลูกไม้ผลแทนการปลูกพืชผักไปก่อนเนื่องจากไม่ต้องดูแลทุกวัน

ผมวางแผนที่จะสร้างบ้านในพื้นที่ ตื่นเช้ามาได้ดูแลพืชผักอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสาเหตุของการขอไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในการทำเกษตร เพราะถ้ามีไฟฟ้าก็สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

ในวันนี้ผมจะมีพูดถึงการขอไฟฟ้าเกษตรในพื้นที่ของตนเอง เพื่อจะได้เป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจว่าจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างโดยมี 3 ขั้นตอนดังนี้

1. ขอบ้านเลขที่

แน่นอนว่าการขอไฟฟ้ามาลงที่บ้านของเราที่อยู่ในไร่นั้น จำเป็นที่จะต้องมีบ้านเลขที่ในการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ในการขอบ้านเลขที่นั้นถ้าเป็นพื้นที่ห่างไกลหมู่บ้าน เราจำเป็นที่จะต้องสร้างเพิงพักหรือทำเป็นบ้านถาวรเลยก็ได้
และสิ่งต่อไปที่จะต้องสร้างควบคู่กันกับบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นก็คือ ห้องน้ำนั่นเอง เพราะการมีห้องน้ำจะเปรียบเสมือนว่าเราจะมาอยู่ถาวร (ถึงแม้ว่ายังไม่ได้อยู่ถาวรตอนนี้เลยก็ตาม) ฉะนั้นห้องน้ำจึงมีความจำเป็นมากสำหรับใช้ประกอบหลักฐานในการขอบ้านเลขที่

หลังจากที่มีบ้านพัก เพิงที่พัก เถียงนาหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เหมือนกับที่พัก เราจะต้องถ่ายรูปที่พักและห้องน้ำไปให้อนามัยในพื้นที่มาตรวจพร้อมกับเซ็นต์เอกสารรับรองการเป็นอยู่ที่ถูกสุขลักษณะ จากนั้นก็นำหนังสือไปยื่นกับผู้ใหญ่บ้านหรือผู้รับผิดชอบในการขอบ้านเลขที่ต่อไป

จากนั้นให้นำหนังสือรับรองจากผู้ใหญ่บ้านไปยื่นต่อที่อำเภอเพื่อลงทะเบียนขอสำเนาทะเบียนบ้าน ตอนนี้เราก็จะมีสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมบ้านเลขที่เรียบร้อยแล้ว

ข้อควรรู้

ในการขอไฟเกษตรต้องดูแนวโน้มในพื้นที่ด้วยว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาด้วยหรือไม่ และต้องมีบ้านอยู่ในโซนเดียวกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป

ผมโชคดีที่ในพื้นที่ที่ผมอยู่มีสหกรณ์รับซื้อน้ำนมโคดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม รัศมีของสหกรณ์ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ทำให้มีเกษตรผู้เลี้ยงมากถึง 30-40 ฟาร์มด้วยกัน และในพื้นที่ไร่ของผมก็มีผู้เลี้ยงอยู่ด้วยกัน 2 ฟาร์มโดยมีบ้านเลขที่แล้ว 2 หลัง รวมกับบ้านของผมเป็น 3 หลังซึ่งเข้าเกณฑ์ในการขอไฟฟ้าเกษตรพอดี

ในการขอไฟฟ้าเกษตรเราจะต้องรวมกลุ่มบ้านในโซนเดียวกัน 3 หลังขึ้นไปเพื่อขอไฟฟ้า ย้ำนะครับว่า 3 หลังขึ้นไปถึงจะมีน้ำหนักในการขอไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ห่างไกลชุมชน แต่ถ้าในพื้นที่มีบ้านหลังเดียวก็สามารถขอไฟฟ้าพิเศษได้ แต่ค่าไฟจะสูงกว่าปกติครับ2.ยื่นเรื่องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

นำเรื่องไปยื่นกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของแต่ละท่าน อาจเป็น อบต. หรือเทศบาลก็แล้วแต่ว่าพื้นที่ของเราอยู่ในเขตไหนนะครับ เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกเอกสารเพื่อรับรองโดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านของเราและเพื่อนบ้านไปพร้อมกัน3.ยื่นเรื่องที่การไฟฟ้าในอำเภอของตนเอง

หลังจากที่ยื่นเรื่องที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้วก็นำเอกสารไปยื่นไว้ที่การไฟฟ้าในอำเภอของเรา แล้วกรอกเอกสารให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นการยื่นเรื่องไว้รอครับ

และอย่าลืมถามความเป็นไปได้ในการที่จะได้ไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ด้วยนะครับ แนะนำให้รวมกลุ่มกันมาก ๆ 3 หลัง 5 หลังหรือมากกว่า จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางคุณแม่ผมก็ได้ยื่นเรื่องไว้ที่องค์การไฟฟ้าในอำเภอเรียบร้อยแล้ว โดยต้องรองบประมาณในรอบต่อไปครับสรุป การขอไฟเกษตรมาลงในพื้นที่

1. ขอบ้านเลขที่โดยจะได้สำเนาทะเบียนบ้าน

2. ยื่นเรื่องที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยรวมกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป

3. ยื่นเรื่องทิ้งไว้ที่องค์การไฟฟ้าในอำเภอ รอความคืบหน้า อย่าลืมสอบถามความเป็นไปได้ที่จะมีไฟฟ้าเข้ามาในพื้นที่ด้วยนะครับ

ข้อแนะนำ : ในพื้นที่นั้น ๆ จะต้องมีแนวโน้วที่จะมีไฟฟ้าเข้าถึงด้วย

ขอขอบคุณ : organicfarmthailand

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่