ตู้เย็นกินไฟ ปิดไม่สนิท ค่าไฟขึ้น แก้ง่ายๆให้ค่าไฟไม่แพง
เชื่อได้เลยว่าสำหรับในหลายๆบ้ า นนั้นมักจะต้องเคยเจอกับปัญหานี้กันอยู่แน่นอน ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ในทุกๆบ้ า นมีกันอยู่แล้ว เอาไว้แช่เครื่องดื่ม แช่อาหารให้อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น เป็นการถนอมอาหารเก็บไว้ในความเย็น
แต่ตู้เย็นนั้นเมื่อใช้ไปนานวันเข้าก็มักจะเก่าและกินไฟมากกว่าตู้เย็นใหม่ๆ สาเหตุนั่นเป็นเพราะว่าฝาประตูตู้เย็นนั้นมีการปิดที่ไม่เหมือนเดิม ปิดไม่สนิท ทำให้ความเย็นรั่วไหลออกมาด้านนอก ซึ่งจะส่งผลทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากกว่าปกติ ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นในแต่ละเดือนนั้นเอง
ค่าไฟมาแต่ละเดือนมักจะแพงขึ้นอยู่เรื่อยๆ วิธีการทดสอบว่าตู้เย็นปิดสนิทดีหรือไม่ไม่ยากเลย อุปกรณ์เรามี กระดาษ A4 เท่านั้น
ในขั้นตอนแรกให้ใส่กระดาษ A4 เข้าไปครึ่งแผ่น เสร็จแล้วปิดตู้เย็น จากนั้นทำการดึงกระดาษออกมา หากยางตู้เย็นยังอยู่ในสภาพที่ดี กระดาษก็จะดึงออกมาได้ยาก
หากกระดาษเราดึงออกมาได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่า ขอบยางตู้เย็นนั้นมีช่องว่างที่ทำให้ประตูปิดไม่สนิทนั่นเอง ช่องว่างนี้ทำให้ความเย็นออกมาด้านนอก เป็นสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากกว่าเดิม เปลืองไฟมากกว่าเดิม เพราะตู้เย็นทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา
วิธีการแก้ไข
ตั้งขาตู้เย็นด้านหน้าให้สูงกว่า ลักษณะที่เงยขึ้นเล็กน้อย ซึ่งวิธีนี้จะเป็นตัวช่วยให้ตู้เย็นนั้นมีการปิดได้สนิท ติดได้แน่น มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แกะขอบยางของขอบตู้เย็นนั้นมาแช่น้ำอุ่น จะเป็นตัวช่วยให้ขอบยางตู้เย็นนั้นมีการขยายตัวได้ดีให้ใหญ่กว่าเดิม จากนั้นให้เราเช็ดให้แห้งแล้วใส่ในตำแหน่งที่เดิมของขอบยางตู้เย็น จะทำให้ช่องว่างขอบตู้เย็นไม่มีรูที่รั่วไหลออกมา
หรือจะใช้เป็นวิธีการเป่าลมร้อนด้วยไดร์เป่าผม เมื่อยางขอบประตูตู้เย็นนั้นโดนความร้อนขอบยางตู้เย็นก็จะค่อยๆมีการขยายตัวออกมา ลักษณะเหมือนวิธีการแช่ในน้ำร้อน จากนั้นให้เราประกอบกับ เข้าที่เดิมก็จะปิดรอยรั่วได้ดี
การประหยัดค่าไฟนั้นเราสามารถทำได้ในหลายๆวิธี การจัดวางตู้เย็นเราจะต้องเลือกตำแหน่งการติดตั้งตู้เย็นให้เหมาะสม ติดตั้งในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เลือกการติดตั้งให้ไกลจากความร้อน เช่น เตา ไฟหรือหม้อหุงข้าว หรือในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง และให้วางติดตั้งตู้เย็นห่ า งจากตัวผนัง อย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อที่จะเว้นระยะห่ า งให้ตู้เย็นมีการระบายความร้อนได้สะดวก จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 39 เปอร์ เซ็นต์
การปรับอุณหภูมิของตู้เย็นนั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตู้เย็นต้องทำความเย็นอยู่ที่ 2-5 องศา ส่วนช่องแช่แข็งมีอุณหภูมิอยู่ที่ -18 ถึง -20 องศา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณของที่แช่ไว้ในตู้เย็นด้วย หากมีของจำนวนมากก็ให้ปรับอุณหภูมิความเย็นให้พอดี แต่ถ้าหากว่ามีของจำนวนก็ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น เพื่อที่จะประหยัด พลังงานการทำงานของตู้เย็นได้
ในทุกครั้งที่ได้มีการเปิดตู้เย็นนั้นอุณหภูมิภายนอกซึ่งมีความร้อนจะเข้าไปแทรกแซงอุณหภูมิภายในตู้เย็น ทำให้ตู้เย็นนั้นทำงาน เพื่อที่จะรัก ษ าคุณภาพคงความเย็นคงเดิม สิ่งสำคัญ ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง ไม่ควรเปิดตู้เย็นทิ้งเอาไว้นานๆ เพราะนั่นจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นนั่นเอง
เรียบเรียงโดย postsod