6 เทคนิคขับรถ ขึ้นเขา ลงเขา คนมีรถยิ่งต้องรู้
สำหรับใครที่ทำงานมาหนักๆทั้งอาทิตย์หรือทำมาทั้งเดือด ต้องการที่จะออกไปพักผ่อนให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและให้สมองได้ปลอดโปร่งการวางแพลนไปเที่ยวในสถานที่สวยๆบรรยากาศดีๆ ได้อยู่กับธรรมชาติก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนอาจชอบไปทะเล หรือบางคนก็ชอบไปภูเขา ซึ่งการไปเที่ยวแต่ละครั้งถ้าขับรถไปเองถึงแม้ว่าอาจจะล้าจากการขับรถไปบ้างแต่ก็ได้ความสะดวกและส่วนตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะต้องการแวะเที่ยวที่ไหนหรือแวะซื้ออะไรก็สามารถทำได้เลยซึ่งต่างจากการใช้การขนส่งสาธารณะ
แต่อย่างไรก็ตามการขับรถไปเที่ยวเองไม่ว่าจะไปคนเดียว ไปกับครอบครัว หรือไปกับเพื่อนๆถึงแม้จะได้รับความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวแต่หากใครที่เป็นมือใหม่ หรือยังขับรถได้ไม่คล่อง หรือแม้แต่คนที่ขับรถมานานแล้วก็ตาม ก็ควรที่จะขับรถด้วยความไม่ประมาทและต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น
เช่นเดียวกับการขับรถขึ้นหรือลงเขาซึ่งจะต่างจากการขับรถตามทางลาดทั่วไปที่ต้องใช้ความชำนาญและทักษะที่มากขึ้น แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะในวันนี้เรามีข้อมูลดีๆที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในตอนที่จะขับรถไปเที่ยวเขาได้
1 ขึ้นเขา ลงเขา ต้องใช้เกียร์ต่ำเท่านั้น
หากเป็นรถเกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ D1 หรือ D2 ขึ้นอยู่กับความชันของถนน ทั้งนี้การใช้เกียร์ต่ำ จะเป็นตัวช่วยส่งกำลังให้รถสามารถขึ้นหรือลงเนินและทางลาดชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้รถไหลเร็วเกินไปจนเสียการควบคุม
2 ห้ามใช้เกียร์ว่าง
ขณะขับรถลงเขา ห้ามใช้เกียร์ว่าง หรือเกียร์ N เพื่อปล่อยให้รถไหลเองเด็ดขาด เพราะรถจะไหลลงเขาด้วยความเร็วสูงตามแรงโน้มถ่วง และอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้
3 ใช้ความเร็วที่เหมาะสม
ขณะขึ้นหรือลงเขาเนื่องจากมีทางโค้งและความลาดชันเป็นจำนวนมาก เราจึงไม่ควรขับรถเร็วเกินไป ควรใช้ความเร็วประมาณ 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และนอกจากนี้ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าประมาณ 30-50 เมตร เผื่อกรณีฉุกเฉิน
4 ห้ามเหยียบคลัตช์
สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ไม่ควรเหยียบคลัทช์และเหยียบเบรกไปด้วย เพราะจะยิ่งทำให้รถพุ่งตัวไปข้างหน้าเร็วขึ้น เนื่องจากแรงฉุดจากเครื่องยนต์ถูกตัดขาด อาจทำให้เบรกยากและบังคับรถได้ยากขึ้น ควรเหยียบคลัตช์เฉพาะตอนเปลี่ ยนเกียร์ และขับรถช้าๆจะดีกว่า
5 ห้ามเหยียบเบรกค้าง
ระหว่างที่ขับรถขึ้นหรือลงเขาเราไม่ควรเหยียบเบรกค้างไว้หรือเหยียบเบรกแช่ตลอดเวลา เพราะอาจทำให้ผ้าเบรกไหม้ และเสี่ยงต่อการเกิดเบรกแตก หรือเบรกไม่อยู่ได้ ควรแตะเบรกเบาๆ เป็นระยะๆ ไปพร้อมกับการใช้เกียร์ต่ำ จะช่วยชะลอความเร็วลงให้เหมาะสมได้
6 ห้ามแซงทางโค้ง
หากเป็นทางโค้งตัว S ควรมองทางให้ไกลว่ามีรถอยู่ด้านหน้าหรือไม่ โดยขณะเข้าโค้งตัว S ควรตัดโค้งในแนวเส้นตรงมากที่สุด แต่ก็ควรมองเห็นโค้งได้จนสุดปลายโค้ง หากมองไม่เห็นห้ามขับในลักษณะตัดโค้งจนเกินเส้นทึบไปครึ่งคัน เพราะอาจมองไม่เห็นหากมีรถสวนทางมา และที่สำคัญไม่ควรแซงทางโค้ง เพราะเราจะมองไม่เห็นรถที่สวนมานั่นเอง
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะออกไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนไม่ว่าจะไปเขาหรือทะเลหากขับรถไปเองก็ควรที่จะตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนที่จะออกเดินทางและนอกจากนี้ยังควรขับรถด้วยความระมัดระวังอีกด้วย
ที่มา : masii