รู้ไว้ได้ใช้แน่นอน เทคนิคขับรถขึ้นเขา ลงเขา ให้ปลอดภัย
ในวันนี้เราจะมาเผยเทคนิคการขับขี่รถขึ้นเขาลงเขา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยากลำบากสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับคนที่เพิ่งหัดขับรถหรือว่าขับรถยังไม่แข็งควรที่จะระมัดระวังให้ดี เพราะจะต้องใช้ความสามารถในการขับรถค่อนข้างสูง เป็นสถานการณ์เส้นทางที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าเรารู้ก่อนและรู้เทคนิคนี้ เราสามารถที่จะขึ้นเขาลงเขาได้อย่างปลอดภัย
หลักการขับรถขึ้นเขา
1 ดูที่ความชันว่ามากหรือน้อย ให้ใช้เกียร์ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชัน และเมื่อรถอยู่ในทางราบให้เปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง
2 เหยียบคันเร่งตามจังหวะความชัน พยายามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500
3 ความเร็วที่เหมาะสมคือ 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ควรใช้ความเร็วที่มากกว่านี้ หากมีรถแซง ก็ขับชิดซ้ายไว้ ให้เขาไปก่อนเลย ส่วนเาไม่ต้องรีบ ค่อยๆไปตามจังหวะของเรา
4 ระยะห่างระหว่างคันข้างหน้า ควรเว้นที่ 30-50 เมตร เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เบรกกระทันหัน หรือรถดั บกลางทาง เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราเอง
5 หากต้องขับทางโค้งรูปตัว s เป็นระยะทางต่อเนื่อง ต้องมองเส้นทางแบบไกลๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีรถสวนมาแน่นอน จากนั้นให้ถอนคันเร่ง แล้วเลียบตัดโค้งให้แนวทางการขับขี่เป็นเส้นตรงมากที่สุด
6 ถ้าเจอทางโค้งแคบและมีสันเขาบังสายตา ให้เข้าโค้งแบบธรรมดา และบีบแตรส่งสัญญาณเพื่อให้รถคันอื่นทราบว่ามีรถกำลังสวนมา
หลักการขับรถลงเขา
1 เวลาจะลงเขา ห้ามใส่เกียร์ว่าง N เด็ดขาด เพราะรถจะไหลลงด้วยความเร็วสูง แต่ควรใช้เกียร์ D และควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ไว้ตลอด
2 วิธีการเบรกเวลาจะลงเขา ให้แตะๆเบรกๆเบาๆ เป็นช่วงๆ เพื่อให้รถค่อยๆชะลอความเร็วลง ไม่ควรที่จะเหยียบที่เบรกค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรกร้อนจนไหม้ หรืออาจจะทำให้เบรกมีปัญหากระทันหันได้เลย
3 หากไม่จำเป็นไม่ควรเหยีย บคันเร่ง ปล่อยให้รถไหลลงมาเองด้วยการใช้เกียร์ D/D1-2 จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
4 หากเจอช่วงโค้งหักศอกแล้วลาดลง ให้แตะเบรกและผ่อนความเร็วลงมาที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
5 ไม่ควรแซงรถในช่วงทางลาดชัน โดยเฉพาะรถบรรทุกหนัก เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป
สำหรับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขาหรือลงเขาก็ตาม ยิ่งถ้าหากเรารู้ว่าจะไปที่ไหนแบบใด หรือเจอกับสภาพเส้นทางในการขับขี่อย่างไร หากเราศึกษาเส้นทางนั้นๆให้ละเอียดเพียงพอ และมันตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางไกลไปไหนมาไหนทุกครั้ง เตรียมความพร้อมด้วยสภาพร่างกายผู้ขับขี่ที่ดี ไม่ประมาทในการขับขี่ ทั้งง่วงก็ให้จอดพัก ความปลอดภัยทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเองและคนรอบข้าง ดังนั้นแล้วควรที่จะรับรู้เทคนิคต่างๆเอาไว้จะดีมากๆเลยครับ
ขอขอบคุณ : postsara, กรุ๊ปข่าวทันสมัย