ก่อนขับรถให้ดู 14 สิ่งสำคัญ คนขับรถส่วนใหญ่มองข้าม
คนขับรถทั่วไปควรรับรู้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ การป้องกันสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ย่อมดีกว่าการแก้ไขอย่างแน่นอน ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหนด้วยระยะทางที่ใกล้หรือไกลก็ตาม ในขณะที่เราต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นอยู่นั้น เราควรตรวจสอบสภาพรถของเราให้ดี มิฉะนั้นแล้วคุณอาจจะเจอปัญหาจากเรื่องเล็กๆกลายเป็นปัญหาใหญ่ๆ จากการเสียเวลาเล็กๆน้อยๆแค่การดูรถเช็ครถก่อนออกเดินทาง
1 ยางรถยนต์
สิ่งแรกที่เราอยา กให้คุณดูสังเกตลักษณะภายนอกของตัวรถนั่นก็คือยางรถ ว่ายางรถของเรานั้นมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง มีความหนาของดอกยางดีหรือไม่ ขอบยางนั้นต้องไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ตรวจสอบดูว่ามีรอยฉีกขาดตรงไหนหรือเปล่า แล้วก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรตรวจสอบดูลมยาง และขันน็อตให้แน่นอยู่เสมอและไม่ควรแน่นจนเกินไป
2 ใบปัดน้ำฝน
การใช้งานของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ประมาณ 2 ปีแล้วแต่สภาพอากาศแล้วแต่สภาพการจอดสิ่งแวดล้อมของผู้ใช้งาน ถ้าอากาศร้อนจัดหรือจอดตากแดดนานๆจะทำให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ฉะนั้นแล้วควรเช็คด้วยการฉีดน้ำยาล้างกระจกเพื่อดูว่ายางปัดน้ำฝนของเรานั้นยังมีสภาพใช้งานดีอยู่หรือไม่
3 ระบบเบรก
วิธีการตรวจสอบให้หาถนนโล่งและปลอดภัยขับด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชม.จากนั้นให้คุณเหยียบเบรคให้เต็มแรง หากได้ยินเสียงดังจากช่วงล่างหรือมีแรงสะท้านที่แป็นเบรคเป็นจังหวะถี่ๆ นั่นหมายความว่าระบบ ABS ของคนยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่หากว่าคุณได้ยินเสียงยางบดกับถนนดังยาวๆ นั่นหมายความว่าระบบของคุณกำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน
4 ระบบไฟ
ระบบไฟนั้นถือเป็นระบบที่สำคัญอย่างยิ่งในเวลาที่ฝนตก คุณควรจะตรวจเช็คหลอดไฟทุกจุดทั้งไฟหน้าไฟส่องสว่างไฟท้ายไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลังด้วย เพราะจะช่วยให้คันอื่นนั้นสามารถมองเห็นคุณและคุณจะสามารถมองเห็นทางได้อย่างเต็มวิสัยทัศน์
5 เช็คระบบปรับอากาศ
เมื่ออากาศเริ่มจะมีการอุดตันจากการที่ขาดการดูแลเรื่องการกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้รถนั้นมีกลิ่นเหม็น เราควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 10000 กม. จะทำให้แอร์ในรถเราเย็นและอากาศสดชื่นอย่างยิ่ง รวมถึงการเปิดกระจกในขณะขับรถจะมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้กรองแอร์ตันเร็วและไม่สะอาด
6 อะไหล่สำรอง
การตรวจดูก่อนออกเดินทางนั่นก็คือย างอะไหล่สำรอง รวมถึงอะไหล่ แม่แรงเก็บอยู่ที่ตรงไหน การตรวจเช็คลมยางอะไหล่นั้นก็เป็นสิ่งจำเป็น จะทำให้เราแน่ใจได้ว่า เมื่อเกิดปัญหาจะสามารถใช้งานได้อย่างแน่นอน
7 ระดับน้ำระบบต่างๆ
ระดับน้ำหล่อเย็นนั้นควรจะอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง ในส่วนของหม้อน้ำควรดูว่าน้ำในหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุหรือใบไม้อะไรติดอยู่ตามในหม้อน้ำ แล้วดูยูท่อยางว่ามีรอยแตกแยกเปื่อยหรือรอยหลวมหรือไม่
8 แบตเตอรี่และสายไฟ
สิ่งที่ควรดูเพิ่มเติมนั่นก็คือการเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด ดูเปลือกแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเสียหายชำรุดหรือไม่ ตรวจดูข้อต่อและสายไฟว่ายังอยู่ในสภาพที่พร้อมจะใช้งาน
9 เข็มขัดนิรภัย
ควรตรวจเช็คหัวเข็มขัดว่าสามารถล็อคได้เรียบร้อยดีหรือไม่ และสายเข็มขัดนั้นมีรอยฉีกข า ดตรงไหน
10 แตร
ก่อนออกเดินทางทุกครั้งให้สำรวจแต่รถว่ายังดังดีทุกครั้งที่เราบีบ
11 น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนที่สำคัญมากๆสำหรับเครื่องยนต์ โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่รถดับทุกครั้งเพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับไหน ให้เติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้ถ้าหากว่าน้อยกว่าที่เขาระบุไว้ จะต้องไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุ นอกจากนี้น้ำมันเครื่องควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 10000 กิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และยังเป็นการถนอมเครื่องยนต์ระบบภายในเครื่องยนต์ด้วย
12 น้ำมันเบรก
น้ำมันเบรคมีส่วนช่วยในเรื่องหล่อลื่นส่วนต่างๆในระบบเบรคให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากมีการสีของส่วนต่างๆในระบบเบรค ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ ลูกยาง ภายในแม่ปั๊มเบรค ลูกปั๊มเบรก หรือเมื่อไหร่แล้วที่น้ำมันเบรครั่วหรือไม่เพียงพอนั้น จะทำให้เกิดการสึกหรอ
13 เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุ ก เฉิ นไว้เสมอ
เบอร์โทรฉุ ก เฉิน เมื่อไหร่แล้วที่เราเกิดปัญหาจะได้โทรให้ช่างมาช่วยแก้ปัญหาให้เราอย่างรวดเร็ว
14 การเคารพจราจร
ผู้ขับขี่ทุกคนควรมีความระมัดระวังในการขับขี่ ไม่ควรขับขี่เกินความเร็วที่กำหนดเพราะไม่ใช่แค่เสี่ยงอั น ตร า ยแค่ตัวคุณแต่จะส่งผลต่างๆให้แก่คนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณด้วย
เรียบเรียงโดย : Postsod
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจดูแลรถ