เถียงไม่ออก 10 จุดอ่อนของคน ที่เกิดขึ้น ทุกวัน
สำหรับใครที่กำลังรู้สึกภาคภูมิใจกับประเทศไท ยที่เราอาศัยอยู่อยู่นั้น แน่นอนว่าประเทศใครใครก็รัก ใครก็เชื่อมั่นและรู้สึกภาคภูมิใจอยู่แล้ว แต่อย่านึกลำพองไปว่าประเทศเรานั้นดีที่สุด มีประสิทธิภาพมากกว่าประเทศเพื่อนนทั้งหลาย เราเคยแต่ดูหมื่นเพื่อนนว่าล้าหลัง สู้หรือเทียบเราไม่ได้แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นเราเสียเองที่กำลังย่ำอยู่กับที่หรือแทบจะเป็นการเดินถอยหลังด้วยซ้ำไป ลองเปิดหูเปิดตามองโลกตามความเป็นจริง มองประเทศอื่นๆที่เค้ามองเข้ามาถึงประเทศเรางว่าจริงๆแล้วเค้ามองประเทศเราและคนนเราเป็นแบบไหนเพื่อที่จะสะท้อนให้เห็นว่าหากเราจะพัฒนาประเทศให้ทันกับยุคสมัยนี้เราควรต้องร่วมมือกันปรับเปลี่ ยนระบบและพัฒนาส่วนไหน
มาดูเรื่องจริงที่เราเถียงไม่ออก เมื่อคนญี่ปุ่นกำลังมองคนไท ยในกระแสโลกาภิวัตน์และการก้าวเปลี่ ยนอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เรียกได้ว่าเป็นการวิเคราะห์ที่จี้ใจดำคนไท ยเสียจริงๆ สำหรับข้อ คิดเห็นของนายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไท ย
โดยนายอิอุจิระบุว่าในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่นไท ยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเหมือนที่นมา โดยชี้จุดอ่อนของคนไท ยไว้ ถึง 10 ข้อ ลองอ่านและทบทวนอย่างปราศจากอคติแล้วจะพบว่านี่คือกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนตัวตนของคนนเรา
1 การศึกษายังไม่ทันสมัย
คนไท ยเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ทั้งการศึกษายังไม่มุ่งเน้นให้เด็ กได้คิด วิเคราะห์ แต่กลับส อนทุกอย่างอยู่ในกรอบ ทำให้หลายคนไม่กล้าแสดงออก ไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะมักจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า
2 เลี้ยงลูกไม่เป็น
พ่อแม่บางคนเลี้ยงลูกให้อยู่แต่ในกรอบที่ตัวเองคิดว่าดีต่อลูก บางนเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่กระตือรือร้น ในการขวนขวายค้นหาตัวเอง บางนเมื่อลูกค้นพบตัวเองแต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุน บางนก็ไม่ส อนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม
3 ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่
ทำงานแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะนั่นหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ความมีเครดิต ความน่าเชื่อถือของคนไท ยจึงลดลงเรื่อยๆ
4 คนไท ยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก
คนส่วนมากได้แต่เรียกร้องสิทธิที่รู้สึกว่ามีประโยชน์ต่อตนเอง แต่ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่นหรือประโยชน์ของส่วนรวม คนนเรานั้นขยันเรียกร้องสิทธิให้ตนเองแต่ไม่รู้จักหน้าที่ โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม หน้าที่ที่จะร่วมช่วยกันให้ประเทศของเรานั้นพัฒนา หลายคนเป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา ทำให้เกิดธุรกิจ ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อย
5 การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่
ประชากรประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่งไกลจากเมืองหมักจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง คุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การคมนาคม น้ำ ไฟในบางที่ยังคงขาดแคลนและไม่ได้รับการเหลียวแลซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
6 มองอนาคตไม่เป็น
คนไท ยมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ทำงานแบบไร้อนาคต ทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
7 อิจ ฉาตาร้อน
สังคมไท ยชอบส อนให้ลูกเป็นเจ้าคนนายคน จนบางครั้งต้องกดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ดี มีข้ออ้างหลากหลายเลี่ยงเก่งเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจเอาตัวรอด ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามา เพราะกลัวเปลืองตัว
8 การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็งและไม่ต่อเนื่อง
การทำงานของหน่วยงานบางหน่วยงานเป็นการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก หากพูดถึงการปราบปรามก็เป็นที่เห็นกันอยู่ว่าไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน สุดท้ายก็ไม่มีมาตรฐาน อย่างที่เราพูันทั่วไปว่าคุ กมีไว้ขังคนจน สำหรับคนมีอำนาจจากผิ็กลายเป็นชอบได้
9 เอ็นจีโอค้านลูกเดียว
บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์ บ่อยครั้งที่ประเทศต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาลเพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่ได้พูัน
10 ยังไม่พร้อมในเวทีโลก
การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเท่าเทียม อิสระในการพูดต่างๆ ยังขาดทักษะและภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ยังดูล้าหลังและเทียบกับประเทศเพื่อนนไม่ได้
หากหลายฝ่ายยังไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ไม่แน่ว่าประเทศอื่นๆที่เราเคยดูแคลนเค้าไว้อาจนำหน้าจนเราตามไม่ทันและกลับกลายเป็นว่าเรากลายเป็นประเทศอย่างที่เราเคยดูแคลนไว้เสียเอง
ที่มา : a a n s a n o o k