ข้ามภพ ข้ามชาติ…ตอน 6-1
“อมรศรี…เธอโกหกฉันรึเปล่า? บอกมาซิว่าบัวคลี่ยังไม่ตายจริงๆ…”
อวรรณจับมืออมรศรีเขย่าแรงๆ…พูดเสียงดังจนแม่ที่นอนอยู่ข้างๆสะดุ้งนิดหนึ่ง…
…แม่พลิกตัวหันหลังกลับไปนอนเงียบอีกครั้ง….
……..
ทั้งสองหันมามองแม่…เมื่อเห็นว่าแม่เงียบไปแล้ว อรวรรณลดเสียงลงจนเกือบกระซิบถามย้ำอมรศรีอีกครั้ง
“… เธอรู้ได้ยังไงว่าบัวคลี่ยังมีชีวิตอยู่ ? …”
“..รู้สิ…เพราะหลังจากที่บัวคลี่เดินออกจากวัดไปในวันนั้นไม่กี่ปี…ฉันได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่บัวคลี่ส่งมาให้ฉันเสมอ…”
อมรศรีพูดชัดถ้อยชัดคำ…
“…บัวคลี่ต้องรู้ว่าฉันตาย…จึงตักบาตรทำบุญมาให้ฉันบ่อยๆ…นั่นหมายความว่าบัวคลี่ยังมีชีวิตอยู่…
ส่วนคนอื่นตายกันไปเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว…
ฉันรู้….ว่าวันหนึ่งเธอต้องกลับมา… จิตของเธอก็ยังผูกพันอยู่กับบัวคลี่และพวกเรา…ฉันจึงไปไหนไม่ได้…
ฉันรอเธอมานานหลายปีเพื่อที่จะบอกให้เธอทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับบัวคลี่…”
อรวรรณมองหน้าอมรศรีอย่างประหลาดใจ….
“เธอสัญญาว่าจะเป็นคนสอนรำโนราให้บัวคลี่หลังจากเธอได้ครอบครูแล้ว…จำได้มั้ย ?”
อรวรรณผงกหน้าช้าๆ….
“ เธอต้องไปตามหาบัวคลี่ ..ตอนนี้บัวคลี่อายุมากแล้ว เธอมีเวลาไม่มากนักนะเอมอร….
พรุ่งนี้ไปเอาสร้อยข้อมือที่บัวคลี่ฝังไว้ที่ใต้ฐานเจดีย์ 7 ชั้น…”
อมรศรีหยุดพูดไปนิดหนึ่ง…แล้วเหลือบมองอรวรรณ….
“..ที่..ใกล้ๆ…ฐานเจดีย์จีน7ชั้นที่วัดกลางต่างหากนะเอมอร…” อมรศรียิ้มเหมือนมีปริศนา….
“ศรัทธาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น…ที่จะช่วยให้เธอค้นพบ…”
อมรศรีลุกขึ้นเดินไปข้างหมอน เอื้อมหยิบพวงมาลัยยื่นให้อรวรรณ…
“…นำพวงมาลัยไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น….
ขอพรให้ท่านเปิดทางให้เธอเพื่อได้พบสร้อยตามต้องการนะเอมอร ”
…………………………………..
…………………………………..
เสียงนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กของแม่ร้องเตือนบอกเวลา…
อรวรรณสะดุ้งตัวเล็กน้อย หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะที่หัวเตียง…. ตี3แล้ว…
เธอหันกลับมามองอมรศรีอีกครั้ง….
อมรศรีหายไปไหน?..!!!
………….
อรวรรณเหลียวซ้ายมองขวาเหมือนตื่นจากภวังค์….
” นี่เราละเมอหรือเปล่า ? ”
อรวรรณนึกในใจ…แต่เมื่อก้มลงมองในมือ…. พวงมาลัยที่อมรศรียื่นมาให้เมื่อครู่ยังอยู่….!!!
…………..
เธอล้มตัวลงนอนข้างแม่อีกครั้ง….วางพวงมาลัยไว้ข้างหมอนเหมือนเดิม ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มแล้วค่อยๆหลับตาลง…
…………..
แม่ที่นอนหันหลังอยู่บนเตียงข้างๆเธอยังลืมตาโพลง..ได้ยินทุกคำที่เธอพูด..!!!!…
น้ำตาของแม่ไหลหยดลงหมอน…
แม่พลิกตัวกลับมากอดอรวรรณที่หลับไปแล้ว
มองลูกสาวอย่างเอ็นดู หอมหน้าผากครั้งหนึ่ง ก่อนใช้มือปิดโป๊ะไฟที่หัวเตียง….
………………………………..
…แม่ปลุกอรวรรณเมื่อสาย…พ่อกับน้องก็ตื่นแล้ว….พ่อบอกว่าวันนี้เรามีเวลาเหลือเพียงวันเดียวที่อยู่สงขลา…ต้องกลับกรุงเทพฯเย็นนี้แล้ว
“ วันนี้พ่อกับแม่จะพาอรไปทำบุญและทำสังฆทานให้เพื่อนๆเหล่านั้น พร้อมเลี้ยงเพลพระที่วัดกลางนะ….”
พ่อบอกอรวรรณ…..
อรวรรณนึกสงสัยว่าพ่อกับแม่รู้ได้อย่างไร???
“ เมื่อคืนนี้แม่ไม่ได้หลับทั้งคืนนะอร..” แม่กระซิบบอกลูกสาว…
อรวรรณตะลึง…เธอโผเข้ากอดพ่อกับแม่และน้อง…
………………………
………………………
………………………
ที่ข้างๆโรงฉันในวัดกลาง….
แม่ค่อยๆรินน้ำจากที่กรวดน้ำทองเหลืองรดใต้พุ่มแก้วที่ข้างๆหอเพล…
อรวรรณแตะมือแม่…
“..อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จแก่ด.ญอมรศรีและเพื่อนๆของด.ญเอมอรทั้ง7 ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว… รวมทั้งญาติมิตรทั้งหลายของข้าพเจ้าที่ล่วงลับไป… จงมีความสุขกายสุขใจด้วยเถิด”
……………………………………
……………………………………
…เสียงแม่ท่องบทกรวดน้ำผสมกลมกลืนไปกับเสียงพระสวดจากหอฉันที่ลอยมาจนถึงที่นั่งกรวดน้ำ….
อรวรรณค่อยๆประคองแม่ให้ลุกขึ้น…..
เธอหลับตา…ยื่นหน้าไปสูดกลิ่นดอกแก้วที่บานสะพรั่งบนต้นซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
“..หอมจังเลยค่ะแม่..”
ยังไม่ทันก้าวขาเดินกลับเข้าโรงฉัน…..
…..!!!!!!!!!!!!…..
คุณยายอายุมากแล้วจำนวน 7 คนและ เด็กสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่ง…แต่งกายด้วยเสื้อแบบเรียบง่าย….ต่างแบบต่างสี…สวมผ้าถุงไทยภาคใต้ลวดลายงดงาม…กำลังนั่งพนมมือก้มลงไหว้รับส่วนบุญส่วนกุศลตรงหน้าอรวรรณและแม่เพิ่งจบบทสวดลงไปเมื่อสักครู่…..
คนทั้ง 8 ค่อยๆเงยหน้าขึ้น…ยิ้มกรุ่นละไม…
…………….
เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มที่เงยหน้าขึ้นคืออมรศรีนั่นเอง….!!!!!!!!
เสียงพระสวดดังขึ้นพร้อมๆกับที่อรวรรณและแม่สาวเท้าไปหาพ่อกับน้องที่นั่งอยู่ข้างในหอฉันโดยมิได้สังเกต……
……………………………………..
……………………………………..
บ่ายจัด…. …อรวรรณและครอบครัวนำพวงมาลัยไปไหว้ที่เจดีย์จีน 7 ชั้น เธอถอดสร้อยคอหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ที่ใส่ติดคอมาตลอด ยกมือขึ้นไหว้พร้อมอธิษฐาน แล้ววางไว้กับพวงมาลัยที่ปีกหลังคาเจดีย์ชั้นแรก
…หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ที่พ่อและครอบครัวให้ความเคารพและศรัทธาอย่างสูง…
พ่อ แม่ ลูก รีบพนมมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้พบร่องรอยของแหล่งที่ซ่อนห่อผ้า…
ทุกคนเดินดูฐานรอบเจดีย์จีน7ชั้นเพื่อสังเกตดูว่าที่ตรงไหนน่าจะเป็นที่ฝังสร้อยข้อมือ…
แต่ต้องแปลกใจ..เพราะฐานเจดีย์จีนขณะนี้กลายเป็นกระเบื้องปูทับพื้นดินไปแล้ว….
…หากของที่ต้องการซ่อนอยู่ใต้ฐานเจดีย์จีนยังอยู่ คงไม่สามารถนำกลับขึ้นมาได้….
อรวรรณมีสีหน้าผิดหวัง….
“..อมรศรี…ไหนเธอบอกว่าห่อผ้าอยู่บริเวณนี้ยังไงล่ะ ?” เธอบ่นเบาๆ…
“ เธออยู่แถวนี้รึเปล่า? บอกฉันสิ..”
บรรยากาศรอบข้างมีแต่ความเงียบ……
…………………………………….
“…มาทำอะไรแถวนี้กันล่ะโยม?…เห็นเที่ยวก้มๆเงยๆเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ ”
พระรูปหนึ่งที่กำลังเดินกลับเข้าพระอุโบสถเอ่ยถามด้วยความสงสัย…..
“..มาหาดูของที่ใต้ฐานเจดีย์นี้นิดหน่อยครับหลวงพ่อ….”
พ่อตอบหลวงพ่อ….
” หลวงพ่อครับ..พื้นกระเบื้องนี้ถูกปูมานานรึยังครับ?”
พ่อถามด้วยความอยากรู้
“ หลายปีแล้วล่ะโยม… แต่ก่อนแถวนี้ก็เป็นพื้นดินหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจริญก็ตามมา… วัดวาอารามก็ได้ถูกปรับปรุงบูรณะ…ทางเดินที่เคยเป็นดินแฉะยามฝนตกก็ถูกปูด้วยกระเบื้องเพื่อความสะดวกในการเดินอย่างที่เห็นนี่ล่ะโยม..”
พระท่านยืนเล่าด้วยท่าทีสงบ….
“ ขอรับหลวงพ่อ กระผมคงไม่รบกวนหลวงพ่อแล้วขอรับ…”
พ่อยกมือไหว้หลวงพ่ออีกครั้ง แม่และลูกไหว้พระพร้อมพ่อ….
“ ไปเถอะลูก….รีบไปเอารูปที่ลูกสั่งไว้ที่ร้าน เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯไม่ทัน “ แม่บอกอรวรรณ
“ ลูกแน่ใจนะ ว่าลูกได้ยินมาไม่ผิด “ พ่อถามด้วยความสงสัย
“ ลูกได้ยินไม่ผิดหรอกพ่อ ” แม่ตอบแทนอรวรรณ….
อรวรรณมีสีหน้าที่ผิดหวัง แล้วทั้งสี่ก็หันหลังให้กับเจดีย์…เดินออกจากวัดเพื่อขึ้นรถไปร้านรูปถ่ายทันที….
ขอขอบคุณ : ข้ามภพ ข้ามชาติ