เด็กชุมพร อายุ 14 ปี กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวหลังพ่อเสีย เลี้ยงวัวรีดนมขาย อนาคตสดใส มีรายได้เดือนละ 4 แสน

0

หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิต เด็กหนุ่มผิวคล้ำชาวชุมพร อายุเพียง  14 ปี จากเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ต้องกลายมาเป็นเสาหลักหารายได้เลี้ยงครอบครัว เขาเลือกเลี้ยงวัวรีดนมขายจนได้ดี เมื่อปีที่แล้วทุ่มงบ 6 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตนมพาสเจอร์ไรส์เกรดฮอกไกโด มีรสชาติต่างๆ อาทิ นมรสตะไคร้ รสจืด รสชาเขียว ทำการตลาดเอง ขายเอง ไม่ผ่านยี่ปั๊ว ล่าสุดเปิดฟาร์มเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4 แสนบาท อนาคตเล็งขยายพื้นที่ให้กลายเป็นศูนย์กลางนมภาคใต้ นับเป็นเรื่องราวดีๆ ของหนุ่มใต้อนาคตไกล

คุณปฏิวัติ อินทร์แปลง หรือ น้องเบสท์ ปัจจุบันอายุ 25 ปี เจ้าของฟาร์มวัวนมมอินทร์แปลง เล่ากับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า เริ่มเลี้ยงวัวตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 หรือราวอายุ 14 ปี สาเหตุที่ต้องมาเลี้ยงวัวนม เพราะคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ส่วนคุณแม่มีอาชีพรับจ้าง รายได้แต่ละวัน 100-200 บาท ในฐานะลูกชายคนเดียวคิดแต่เพียงว่าอยากช่วยแบ่งเบาภาระ ประกอบกับ ณ เวลานั้น คุณตาให้วัวนมมา 1 ตัว พร้อมถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงและวิธีรีดนมวัว เพื่อใช้หารายได้

เมื่อเด็กหนุ่มไฝ่ดีในวัยเพียง 14ปี ต้องมาสูญเสียคนที่รัก และยังเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาทนเห็นแม่เหนื่อยไม่ได้ เลยนำวัวนมที่คุณตาให้มาสร้างรายได้ด้วยการรีดนมขาย จนกลายเป็นอาชีพในที่สุด

“หลังจากที่สูญเสียคุณพ่อ ไม่นานนักคุณแม่ประสบอุบัติเหตุกระดูกแขนหัก ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย จบเพียง ม.6 หันมาเลี้ยงวัว และเลือกที่จะเอาดีด้านนี้”

น้องเบสท์ เล่าว่า 11 สิงหาคม 2548 เป็นวันแรกที่รีดนมด้วยมือขายได้ 8 ลิตร เป็นเงิน 412 บาท เริ่มมีกำลังใจ ตื่นนอนตี 4 ลุกขึ้นมารีดนมขายตามร้านกาแฟ ร้านเบอเกอร์รี่ทุกวัน หลังจากนั้นเก็บเงินซื้อวัวตัวที่ 2 และตัวต่อๆ มา กระทั่งปัจจุบันมีวัวนมราว 60 ตัว

เพื่อให้มีตลาดรับซื้อนมที่แน่นอน เจ้าของฟาร์มไปสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ฟาร์มโคนม จังหวัดชุมพร เพื่อขยายตลาด นอกจากนั้นยังสร้างโรงงานผลิตนม พาสเจอร์ไรส์ แบรนด์ ‘In milk’ คุณภาพเทียบเท่านมฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

ทว่าการเลี้ยงวัวเพื่อรีดนมส่งสหกรณ์ เพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยง คือ ไม่สามารถจะกำหนดราคาขายได้เอง หากจะยั่งยืน ควรที่จะสร้างตลาดขายนมสดได้ด้วยตัวเอง ควบคู่กับแปรรูปนมเพื่อเพิ่มมูลค่า

“ปี 2556 ผมเลิกส่งนมให้สหกรณ์ แล้วหันมายกระดับทำฟาร์มให้ได้น้ำนมคุณภาพดี และแปรรูปน้ำนมเป็นรสชาติต่างๆ เช่น รสตะไคร้ รสจืด รสชาเขียว รสช็อกโกแลต และรสกาแฟ ส่งขายภายใน จ.ชุมพร และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี ระนอง ภูเก็ต และเกาะสมุย”

สำหรับกระบวนการเลี้ยงวัวเพื่อให้ได้น้ำนมคุณภาพดี น้องเบสท์ เดินทางไปดูงานที่เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น  หลังจากนั้นกลับมาปรับใช้ โดยเริ่มต้นที่อาหาร ปรับเป็นชีวภาพทั้งหมด “หญ้า” ก็ปลูกเอง “อาหารข้น” ใช้วัตถุดิบจากแหล่งออแกนิกค์  ไม่มีใส่สารเคมี เปิดเพลงให้วัวฟัง 24 ชั่วโมง และให้อาหารวัววันละ 8 ครั้ง ข้อดีของการให้อาหารบ่อย วัวจะได้กินอาหารสดใหม่เสมอ และกินได้มากกว่าปกติ เมื่อวัวอารมณ์ดีได้อาหารถึง น้ำนมที่ออกมาคุณภาพจะดีตามไปด้วย

ปัจจุบันฟาร์มอินแปลงได้รับมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) หรือมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีจากกรมปศุสัตว์ และยังเป็นที่เดียวใน จ.ชุมพร ที่มีการแปรรูปน้ำนมสด ทำนมสดพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต ชีส อีกทั้งรีดนมวัวด้วยท่อสแตนเลสโดยไม่ผ่านอากาศ ข้อดี คือ สะอาด สะดวก และที่สำคัญรวดเร็ว ควบคุมการทำงานได้เบ็ดเสร็จในจุดเดียว ระบบนี้เรียกว่า ระบบ “ไปป์ ไลน์” (PIPE LINE)

ปัจจุบันปริมาณนมสดจากฟาร์มอินแปลง แต่ละวันราว 600 ลิตร 50 เปอร์เซ็นต์ส่งนมดิบเข้าโรงแรม 5 ดาว อีก 30 เปอร์เซ็นต์ แปรรูปเป็นนมสดพาสเจอร์ไรส์ ประมาณ 1,000 ขวดต่อวัน ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์แปรรูปเป็นโยเกิร์ต และชีส ส่งตามร้านอาหารต่างๆ และนอกจากนี้ยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่สนใจเลี้ยงวัว เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนราว 400,000 บาทต่อเดือน

ขอขอบคุณ : sentangsedtee

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่