5 สาเหตุที่คนจนยิ่งจน คนรวยก็ยิ่งรวยยิ่งขึ้น

0

5 สาเหตุที่คนจนยิ่งจน คนรวยก็ยิ่งรวยยิ่งขึ้น

1. เพราะเชื่อในพรหมลิขิตและชะตากรรม

บางคนจนเพราะความคิด ต่อให้ถูกหวยซัก 20 ล้าน แป๊บเดียวเดี๋ยวก็จนเหมือนเดิม (~ไม่เชื่อลองดูข่าวพวกถูกล็อตเตอรี่แล้วจนเหมือนเดิมภายใน 2 ปีดูได้ ) และเชื่อแต่บุญกรรม วาสนา พระเจ้าบันดาลเท่านั้น ทุกอย่างเป็นพรหมลิขิต โทษฟ้าฝน ดูแต่คนอื่นที่รวยแล้วพร่ำเพร่อได้แค่ว่า “ถ้าฉันโชคดีแบบเขาก็คงเรวยไปแล้ว” มัวงอมืองอเท้า และรำพึง “~คงเป็นไป ตามเวรตามกรรม”

2. อยุ่ในวังวนที่ไม่มีทางออกมาได้

บางคนกลัวที่จะออกมาจากกฏที่ไม่มีทางออกมาได้เพราะไม่มี โอกาส เพราะเขาเกิดมาแบบนั้น เขาจึงขาดโอกาส เช่น ยาม ไม่มสามารถออกมาทำอย่างอื่นได้นอกจากเฝ้า แต่หากขาดคนที่ทำอาชีพนี้ก็คงแย่เหมือนกัน (แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาเถียงกัน เพราะถ้าคุณพูดงี้ ทำไมคุณไม่ไปเป็นยามซะเองล่ะ?)

3. ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง

คนเราถ้าอยู่นิ่งๆ มันไม่มีทางจะมีโอกาสเดินเข้ามาหาหรอก มันต้องเดินเข้าไป หาโอกาส ขายของอยู่ปากซอย มัวแต่รอให้คนเดินออกมาซื้อ แทนที่จะเข็นรถเขาไปขายถึงหน้าบ้าน เพื่อ เปลี่ยนแปลงตัวเอง
ทำไมคนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชม. แต่บิล เกตส์ หรือ คนดังๆของโลกถึงรวยล้นฟ้า เพราะเขากล้าเปลี่ยนแปลงตั้งแต่แรกแล้วแม้ว่าใครจะว่าเขานอกคอกก็ตาม

4. อยากทำแต่งานที่ชอบและถนัด และรายได้เยอะ

ชอบตีแบด วาดรูป ทำไปเถอะครับ แต่ขอให้มันหาเลี้ยงชีพได้ แบบ อ.เฉลิมชัย หรือ ลีโอนาโด ดาวินชี่ เถอะบางคนคิดว่า หากทำสิ่งที่เราชอบแล้ว สิ่งนั้นจะคุ้มครองเราเอง ซึ่งไม่ผิด แต่ทำไงก็ได้ครับขอให้มันเลี้ยงตัวเองได้เถอะเราหันไปดูพ่อแม่ที่เป็นหมอ ครู วิศวะ เราจะพบว่า แท้จริงเค้าอาจจะไม่ได้ชอบจริงๆก็ได้ แต่รายได้มันดีเขาเลยทำก็แค่นั้น

5. ชอบคิดว่าฉันยุ่งตลอดเวลา ไม่มีเวลากำหนดเป้าหมาย ขออยู่วันๆเถิด

คนบางคนยุ่งตลอดเวลา วันๆชอบคิดว่ายุ่งทั้งวัน แต่รู้ตัวอีกทีก็อุตส่าห์มีเวลาเล่นเกมออนไลน์ หรือทำอะไรไร้สาระเสียแล้ว รู้อีกทีก็ว่างเสียแล้วมัวคิดว่าไม่มีเวลาแม้แต่จะวางแผนว่าชีวิตควรจะทำอย่างไร ก็เหมือนคนที่ขึ้นแทกซี่แต่ไม่บอกจุดหมายกับคนขับตั้งแต่แรกแล้ว อยู่ไปวันๆ กินเงินเดือนไปเรื่อยๆ เก็บเงินเป็นก้อนๆ กว่าจะทำอะไรเองก็จะรอให้คนเห็นด้วยทั้งโลก ก็ค่อยลงมือทำ แล้วพอแก่ก็ป่วย แล้วเอาเงินก้อนที่เก็บมารักษา พอไม่หายก็ตายไป

ความคิดผิดๆของคนจน

1. เงินนั้นชั่วร้าย เงินคือซาตาน และปีศาจ

เงินนั้นไม่ชั่วร้าย แต่ความคิดที่หลงในเงินนั้นแหละคือความชั่วร้ายคนบางคนคิดว่าความมีทางโลกคือสิ่งที่หนักอึ้ง แต่ตัวเองก็ยังไม่บวชเสียที แต่โทษว่าเงินไม่สำคัญ คุณไม่มีเงิน จะเอาอะไรมาสร้างวัด แค่สวดมนต์วัดมันจะมีปูนหล่นมาจากฟ้าหรืออย่างไรไม่มีเงินคุณจะซื้ออาหารอะไรมาถวายพระ? จะให้กับใครได้?

2. พอเพียง

คนชอบคิดคำว่าพอเพียงแปลว่า ต้องเลี้ยงควายในทุ่งนา สร้างบ่อปลา ทำแปลงผักปลูกเอง แต่แท้จริงแล้ว พอเพียงแปลว่า

“เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง”
แล้วการพอใจแล้วกับการอยู่ไปวันๆ ให้เป็นภาระำพ่อแม่แล้วก็ตายไป คือพอเพียงจึงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์

3. พร่ำบ่นว่าคนรวยเยอะไป น่าจะแบ่งปันบ้าง

คนเหล่านี้หากมีความคิดแค่นี้ กำลังใช้ตรรกะโง่ๆมาคิด เพราะแค่คิดก็จนแล้ว
“หากคนรวยน้อยกว่านี้ คนจนก็ต้องน้อยลงตาม” แล้วมันเกี่ยวกันได้อย่างไร?? หากคนรวยลดนั่นแปลว่าคนจนก้ยิ่งจนหนักไม่ใช่หรือ?

4. รอแต่รัฐอุ้มชู ไม่คิดช่วยตัวเอง

คนที่คิดแบบนี้่ ไม่ต่างอะไรกับ”ภาระ” ประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศต้องคอยสูญเสียเงินจำนวนมากเพื่อมาดูแลคนที่วันๆ “งอมืองอเท้า” เหล่านี้ (ไม่นับคนขยันแต่จน) มิฉะนั้นแล้ว รัฐบาลจะชุดไหนชุดไหนมันก็ห่วย อยู่ดี

5. กูมันโง่ ไม่รวยเหมือนมัน รอชาติหน้าดีกว่า

ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะชาตินี้คุณก็โง่เหมือนเดิม และจะชาติไหนคุณก็ไม่รวย เพราะคุณไม่ได้ทำกุศลอะไรเพิ่มได้

จบครับ ฟู่

แรงไปนิด ขออภัยในที่นี้ด้วย ใครไม่ถูกใจ ก็ขอให้ลองคิดดูว่า “แล้วมันจริงหรือไม่” แค่นั้นครับ

แถมท้ายนิด

คำว่า เศรษฐี แปลว่าผู้ประเสริฐที่สุด ไม่ใช่นายทุนขูดรีด นายทุนขูดรีดเป็นเศรษฐีไม่ได้

-เศรษฐีคือผู้ที่ทำงานสนุก เป็นสุขในการงาน มีบริวารมาก ทำได้มากเหลือกิน เหลือเก็บ แล้วก็ใช้ช่วยเหลือผู้อื่น ตั้งสำนักงานใหญ่ ๆ ช่วยเหลือผู้อื่น

ฉะนั้น บิลเกตส์, หรือเศรษฐีคนอื่นๆ จึงเป็นเศรษฐีที่แท้จริง ต่างกับพวกจน แต่เห็นเศรษฐีบริจาคเยอะๆ ก็เหน็บแนม ทั้งทีตัวเองไม่มีแม้แต่ตังจะเลี้ยงตัวเอง

แหล่งที่มา : thaiseoboard

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่