สัญญาณบนหน้าปัดรถยนต์ ไฟแจ้งเตือน ที่ไม่ควรมองข้าม

0

สัญญาณบนหน้าปัดรถยนต์ ไฟแจ้งเตือน ที่ไม่ควรมองข้าม

ทำไมเวลาที่เราปิดสวิตช์กุญแจแล้วไฟโชว์ ไม่ดับ นี่ก็คืออีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรที่จะศึกษาและเรียนรู้เอาไว้ สัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถของคุณถือว่าเป็นสิ่งที่คุณควรต้องรู้เอาไว้เลย เราสามารถเรียนรู้สัญญาณต่างๆได้จากคู่มือประจำรถของท่าน

ซึ่งในวันนี้เราจะมานำเสนอความรู้ และเคล็ดลับวิธีในการมองสัญญาณไฟบนหน้าปัดของรถเรา ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรที่สำคัญบ้าง

มาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์

มาตรวัดตัวนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ เมื่อรับความร้อนของเครื่องยนต์ของเราสูงขึ้น มันสามารถส่งสัญญาณบอกเราได้ว่าเครื่องยนต์ของคุณเริ่มทำงานบกพร่อง ซึ่งความร้อนสามารถเกิดขึ้นได้ มันสามารถสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ของคุณได้ แต่ในรถรุ่นใหม่ๆมาตรวัดความร้อนไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว เนื่องจากมีการพัฒนา และแสดงในรูปแบบของอุณหภูมิในสัญลักษณ์ของไฟโชว์รูปเทอร์โมมิเตอร์แทน

หากสัญญาณนี้มีความร้อนที่สูงขึ้น วิธีการแก้ไขคือจอดรถข้างทางในที่ที่ปลอดภัย แล้วก็ดูสิ่งผิดปกติ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หากรู้สึกไม่สบายใจแนะนำว่าให้โทรตามช่างให้เขามาดูจะดีที่สุด

ไฟหมด ไฟไม่มี ก็สตาร์ทไม่ติด

สำหรับคนที่ไม่มีความรู้และความชำนาญ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะสับสนกับการสตาร์ทไม่ติด สิ่งที่เราควรรู้และศึกษานั่นก็คือ ในจังหวะสุดท้ายที่เราบิดกุญแจเพื่อที่จะสตาร์ท ไฟโชว์ต่างๆ จะติดขึ้นมาทั้งหมด แล้วหลังจากสตาร์ทแล้วไฟเตือนต่างๆ จะต้องดับลง ยกเว้นสัญญาณไฟเตือนเบรคมือและตำแหน่งของเกียร์ เมื่อเครื่องยนต์ของเราหมุนไดชาร์จและทำงานแล้ว ก็จะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟส่งไปยังแบตเตอรี่ หลังจากนั้นจะทำการป้อนไฟฟ้าให้กับระบบ แต่ถ้าหากขณะที่เครื่องยนต์ทำงานแล้ว ไฟเตือนติดสว่าง หรืออาจจะติดสว่างแบบวาบๆ นั่นเป็นการบ่งบอกถึงระบบประจุไฟฟ้าของเรามีปัญหา

สาเหตุอาจจะเป็นได้หลายประการ คร่าวๆอาจจะเป็นเพราะไดชาร์จอาจจะหย่อนหรือขาด ฟิวส์ขาดก็เคยเจอมาแล้ว ถ้าหนักหน่อยก็ไดชาร์จเสื่อมสภาพและหมดอายุ แบตเตอรี่ไม่เก็บไฟ หากไดชาร์จมีปัญหา จะเปลี่ยนทีก็ 6000-7000 บาท ขึ้นอยู่กับรถ

ขับๆ มา น้ำมันเครื่องหาย

อาการชาฟท์ละลาย หรือแบริง เครื่องยนต์ไม่สามารถหมุนได้ มาจากปัญหาของน้ำมันเครื่องที่ไม่สามารถหมุนเวียนในระบบได้นั่นเอง สาเหตุอาจจะเกิดขึ้นจากการรั่วซึม อ่างน้ำมันเครื่องทะลุ จุดใดจุดหนึ่งรั่ว จนทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถหมุนเวียนไปใช้ในระบบได้ ทำให้แรงดันในระบบลดลง ไฟก็จะเตือนรูปกาน้ำมันเครื่องก็จะไปติดขึ้นมา

เมื่อมีไฟเตือนรูปนี้ติดขึ้นมาบนหน้าปัดรถ สิ่งที่เราควรทำคือจอดรถและดับเครื่องยนต์ในทันที เพราะนั่นหมายความว่า น้ำมันเครื่องในระบบไม่มีการหมุนเวียนแล้ว ไฟเตือนติดสว่างไม่ต้องตกใจ ให้ดูมาตรวัดความร้อนของน้ำควบคู่กันไปด้วยว่าสูงขึ้นเพียงใด หากคุณยังมีเวลานำรถจอดข้างทางได้อย่างปลอดภัย ควรที่จะรีบตรวจสอบโดยไว หากไม่มีความรู้ความสามารถ แนะนำว่าให้โทรตามช่างจะดีที่สุด

กรณีนี้อาจจะต้องลากไปที่อู่หรือศูนย์บริการ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด ถ้าน้ำมันเครื่องมีอยู่จะต้องตรวจเช็คว่าน้ำมันเครื่องถึงหรือไม่ มีการหมุนเวียนหรือไม่ อาการนี้เป็นได้ 2 แบบคือ ปั๊มน้ำมันเครื่องเสีย หรือไม่ก็เซ็นเซอร์แรงดันเสีย

เบรคแรงๆ แล้วไฟโชว์เตือน

เคยเจอกันไหมสัญญาณ ABS หรือที่เป็นรูปเบรคเตือน ติดสว่างขึ้นมาเมื่อบิดกุญแจรถมาในตำแหน่ง On เมื่อเครื่องยนต์ติดไฟนี้ก็จะดับไป บางครั้งที่เราขับไปแล้วเบรคแรงๆ ไฟรูป ABS ก็จะกระพริบโชว์เป็นจังหวะ แบบนี้ไม่ต้องตกใจ นั่นเป็นเพราะว่าระบบ ABS ทำงาน เมื่อเราปล่อยเบรคแล้วก็จะดับไปเอง

แต่ถ้าหากเราขับอยู่ แล้วอยู่ดีๆไฟเตือนรูปเบรค ติดขึ้นมา แสดงว่ารถกำลังมีปัญหาแล้ว ทางที่ดีควรที่จะหาทางแก้ไขโดยเร็ว

อีกกรณีหนึ่งที่พบคือ เวลาที่เราเลี้ยวรถแรง จะมีไฟเตือนรูปเครื่องหมายสามเหลี่ยม กระพริบ เป็นสัญญาณคล้ายๆกับรูประวังถนนลื่นกระพริบขึ้นมา นั่นแสดงว่าระบบการทรงตัวเริ่มเสียอาการ ควรขับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

รูปเครื่องยนต์ โชว์ระหว่างขับขี่

เมื่อเราขับรถอยู่ แล้วมีไฟโชว์รูปเครื่องยนต์ติดขึ้นมา แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหา ถ้าเราขับรถได้เร่งเครื่องยนต์ได้ก็ให้สังเกตมาตรวัดอื่นควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของความร้อน ถ้าหากมีความร้อนที่ผิดปกติจากที่เคยเป็น ควรที่จะจอด ไว้สักครู่ แล้วดับเครื่องยนต์ก่อน เช็คอาการเครื่องยนต์รอบคันว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่

บางครั้งสายไฟขาด ECU ไม่สามารถที่จะจับสัญญาณได้ มันก็จะสั่งให้ไฟโชว์รูปเครื่องยนต์ติดสว่างขึ้น เพื่อที่จะเข้าทำการเช็คตรวจ ในบางระบบมันไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์เสียหายในทันที แต่ถ้าหากระยะยาวควรที่จะต้องระมัดระวัง

ถุงลมนิรภัย

อีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่ต้องเรียนรู้ให้ไว ถ้าหากไฟโชว์รูปถุงลมนิรภัยหรือสัญญาณ SRS ติดสว่างขึ้นมาในระหว่างที่ขับขี่ สิ่งที่ควรทำคือชะลอรถและเช็คความปลอดภัย ควรรีบนำเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คในทันที เนื่องจากอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรค หรือมีสัญญาณบางสิ่งอย่างที่ผิดพลาดไปรบกวน หากผิดพลาดขึ้นมาอาจจะทำให้ถุงลมแตกออกมาได้

น้ำมันหมด

เราเชื่อว่าหลายคนคงเจอมากับตัวแล้ว การที่ชะล่าใจไม่สนว่าเครื่องยนต์จะดับไปเฉยๆ ในขณะที่น้ำมันของเราใกล้หมดหลายคนก็ยังคงคิดว่ายังขับต่อไปได้อยู่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะวิ่งได้ประมาณ 20-30 กิโลเมตร แต่ถ้าหากไม่มีปั๊มน้ำมันจะต้องทำอย่างไรล่ะ สิ่งที่เราควรเรียนรู้คือเมื่อน้ำมันเริ่มกระพริบแล้ว ควรที่จะรีบหาปั๊มน้ำมันโดยด่วน เพราะมันสามารถวิ่งได้อีกประมาณ 20 กิโลอย่างต่ำ ควรตีคร่าวๆไว้แค่ประมาณ 15 กิโลก็เพียงพอ ขึ้นอยู่กับวิธีการขับรถของแต่ละคน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิคความรู้ที่ดิฉันนำมาฝากในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคนนะคะ

เขียน / เรียบเรียงโดย : Postsod

ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทุกกรณี บทความมีลิขสิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่