9 สัญญาณไฟ แผงหน้าปัด ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

0

9 สัญญาณไฟ แผงหน้าปัด ควรเช็คก่อนสตาร์ททุกครั้ง

เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับยานพาหนะในสมัยนี้นั้นถูกพัฒนาไปอย่างก้าวหน้า หากเป็นเมื่อก่อนหากใครที่ไม่มีความรูในการดูแลรักษาหรือตรวจเช็กรถยนต์เป็นประจำก็จะไม่ทราบได้เลยว่ารถของเรานั้นมีปัญหาตรงไหนบ้าง แต่ในสมัยนี้รถหลายรุ่นได้มีสัญญาณเตือนติดตั้งอยู่ที่หน้าปัดของรถยนต์ เวลาที่เราขับรถหน้าปัดรถยนต์ที่ส่วนมากจะแสดงถึงความเร็ว ปริมาณน้ำมันก็ยังมีสัญญาณเตือนอื่นๆอีกด้วย และในวันนี้เราจะนำความหมายของสัญญาณเตือนนั้นมาให้ได้ทราบกัน

สัญญาณไฟที่แสดงบนหน้าปัดรถนั้นนั้นแบ่งได้ทั้งหมด 4 ประเภท

สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความเร่งด่วน ให้รีบพิจารณาทันที เป็นสัญญาณเตือนให้หยุดใช้งานโดยทันที

สีเหลือง เป็นสีที่แสดงถึงการเตือนแต่ว่ายังคงสามารถใช้งานต่อไปได้อยู่ ควรจะตรวจดูเมื่อสามารถทำได้

สีเขียว เป็นสีที่แสดงถึงอุปกรณ์ที่อยู่ในสถานะกำลังใช้งานอยู่

สีน้ำเงิน เป็นสีที่แสดงว่าอุปกรณ์นั้นๆกำลังใช้งานอยู่ โดยไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน หรือคือการใช้งานที่ไม่ได้ใช้อยู่ทั่วไปเป็นปกติ

1 ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ

ไฟเตือนนี้จะดับลงเมื่อเครื่องยนต์ติด ระหว่างที่เครื่องยนต์ทำงานไฟเตือนนี้ไม่ควรสว่างขึ้นมา ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขณะเครื่องยนต์ทำงาน แสดงว่าแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ ให้นำรถเข้าจอดแล้วดับเครื่องยนต์ทันที เปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจระดับน้ำมันเครื่อง ถ้าจำเป็นให้เติมน้ำมันเครื่องจนระดับถึงขีดสูงสุดบนก้านวัด สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วสังเกตดูไฟเตือน ถ้าไฟเตือนหน้าปัดไม่ดับภายใน 10 วินาที ให้ดับเครื่องยนต์ แสดงว่ามีชิ้นส่วนที่ต้องได้รับการซ่อมแซมก่อนที่จะขับขี่รถต่อไป

2 ไฟเตือนระบบเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ

ไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 2-3 วินาที เมื่อบิดสวิตช์ไปตำแหน่ง ON ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขึ้นในเวลาอื่น แสดงว่าระบบควบคุมไอเสีย และเครื่องยนต์อาจมีปัญหา ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขึ้นขณะขับรถ ให้นำรถเข้าจอดแล้วดับเครื่องยนต์ สตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ สังเกตดูสัญญาณไฟเตือนเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ ถ้ายังสว่างอยู่ให้นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว ระหว่างนั้นควรขับขี่ด้วยความนุ่นนวลและไม่ใช้ความเร็วสูง

3 ไฟเตือนระบบประจุไฟ

ถ้าไฟเตือนนี้สว่างจ้า ขณะเครื่องยนต์ทำงาน แสดงว่าระบบประจุไฟไม่มีการประจุไฟ หรือชาร์ทเข้าแบตเตอรี่ ให้ปิดสวิตช์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดทันที เช่น วิทยุ เครื่องปรับอากาศ วงจรละลายฝ้า พยายามไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าอื่นๆ เช่น กระจกไฟฟ้า ให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไป และอย่าให้เครื่องยนต์ดับ การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้ไฟจากแบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว

4 ไฟเตือนอุณหภูมิสูง

ไฟนี้จะสว่างเพื่อแสดงอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ขณะขับรถต้องหมั่นสังเกตความร้อนของน้ำหล่อเย็น เมื่อขับรถขึ้นทางลาดชัน หรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเป็นระยะเวลานานไฟนี้อาจจะกระพริบ หรือจะกระพริบเมื่ออุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงขึ้น ถ้าเห็นลักษณะดังกล่าว ต้องลดความเร็วต่ำลงเพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัดเกินไป แต่ถ้าไฟนี้สว่างค้างต้องจอดรถและตรวจสอบระบบน้ำหล่อเย็น และไม่ควรขับรถต่อไป อาจจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้

5 ไฟเตือนเบรกมือและระบบเบรก

ไฟเตือนนี้ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ เตือนให้ทราบว่าท่านได้ดึงคันเบรกมือ หรือใช้เบรกมืออยู่ และไม่ปลดเบรกมือ ถ้าไฟเตือนระบบเบรกติดขึ้นในเวลาอื่นแสดงว่าระบบเบรกเกิดปัญหา ถ้ารู้สึกว่าแป้นเบรกผิดปกติต้องได้รับการแก้ไขทันที

6 ไฟเตือนพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า

ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขึ้นขณะเครื่องยนต์ทำงานหรือกำลังขับขี่ แสดงว่าเกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าของพวงมาลัยเพาเวอร์ ให้จอดรถ ดับเครื่องยนต์แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ ถ้าไฟเตือนหน้าปัดยังไม่ดับหรือสว่างขึ้นอีกเมื่อขับรถไปได้ระยะหนึ่งต้องนำรถเข้าตรวจเช็ค โดยจะมีอาการพวงมาลัยหนักเมื่อต้องเลี้ยวรถ

7 ไฟเตือนระบบถุงลมนิรภัย SRS

ไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 5-6 วินาที เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจไปที่ ON แล้วดับลงแสดงว่าระบบทำงานปกติ ถ้าไฟเตือนนี้ไม่ติด เมื่อบิดกุญแจไปที่ ON หรือถ้าไฟเตือนติดค้างอยู่หลังจากที่เครื่องยนต์ติดแล้ว และถ้าไฟสว่างขึ้นหรือกระพริบขณะที่กำลังขับขี่ แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับระบบถุงลมนิรภัย ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการของรถท่านทันที

8 ไฟเตือนระบบเบรกป้องกันล้อล็อค

ไฟเตือนระบบเบรกป้องกันล้อล็อคหรือระบบเบรก ABS จะช่วยป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถลเมื่อทำการเบรกอย่างเร็ว ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้ โดยปกติไฟเตือนนี้จะสว่างเป็นเวลา 2-3 วินาที เมื่อบิดกุญแจไปตำแหน่ง ON และ Start ถ้าไฟเตือนสว่างขึ้นในเวลาอื่นแสดงว่าระบบป้องกันล้อล็อคมีปัญหาควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ

9 ไฟเตือนระดับน้ำมันเชื้ อเพลิงต่ำ

ถ้าไฟเตือนนี้สว่างขึ้น แสดงว่าควรเติมน้ำมันเชื้ อเพลิง เนื่องจากปริมาณน้ำมันเชื่อเพลิงที่เหลือในถังน้อยกว่า 7-8 ลิตร แล้วแต่ยี่ห้อรถ

สำหรับสัญญาณเตือนที่แสดงอยู่ที่หน้าจอรถที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นถึงแม้จะดูเป็นเรื่องใกล้ๆตัวแต่เชื่อได้เลยว่าหลายคนยังไม่ทราบถึงความหมายและวิธีจัดการเมื่อสัญญาณไฟต่างๆเตือนขึ้น ดังนั้นแล้วเมื่อเราเป้นคนใช้รถก็ควรที่จะทราบและแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างถูกต้อง

ที่มา : roojai

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่