กราบหัวใจผู้หญิงคนนี้!! นี่คือผู้ประกาศสาวพิการ ที่ช่อง7 รับเข้ามาทำงาน ก่อนสืบรู้ประวัติเธอ ปาดน้ำตาทันที!

0

กราบหัวใจผู้หญิงคนนี้!! นี่คือผู้ประกาศสาวพิการ ที่ช่อง7 รับเข้ามาทำงาน ก่อนสืบรู้ประวัติเธอ ปาดน้ำตาทันที!

ชมพู่ ภัทราวรรณ พานิชชา คืออดีตมิสวีลแชร์ไทยแลนด์ 2012 หรือนางงามพิการที่สวยที่สุดนั่นเอง เธอมีโอกาสได้ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าว ช่วง 7 สีช่วยชาวบ้าน ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 15.45 น. โดยดำเนินรายการร่วมกับคุณจีรนันท์ เขตพงศ์ ส่วนสาเหตุที่เธอพิการนั้น เธอบอกว่าไม่ได้พิการมาแต่กำเนิด แต่เพราะประสบอุบัติเหตุถูกรถสิบล้อชน ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ เมื่ออายุได้ 16 ปี ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ชมพู่บาดเจ็บสาหัส และที่ร้ายแรงที่สุดคือ กระดูกสันหลังหัก และแตกละเอียด จนไปเบียดทับเส้นประสาท ซึ่งหลังการผ่าตัด ชมพู่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 แห่ง เพื่อรักษาตัวและทำกายภาพบำบัด โดยใช้เวลานานประมาณ 6 เดือน

โดยช่วงแรกที่ทำกายภาพบำบัด ชมพู่ยังรู้สึกมีความหวังอยู่ เพราะแพทย์บอกว่าต้องดูอาการก่อนว่าจะฟื้นตัวเร็วแค่ไหน กระทั่งเมื่อแพทย์แจ้งว่าไม่สามารถรักษาได้ ชมพู่ก็เสียใจจนร้องไห้ตลอดทั้งวัน แต่หลังจากนั้นเมื่อตั้งสติได้ ชมพู่ก็คิดว่า ร้องไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังเหนื่อยเปล่า ๆ เธอจึงเลิกร้องไห้ทันที เนื่องจากปกติชมพู่เป็นคนไม่ค่อยคิดมาก ยิ่งทางครอบครัวคอยพูดให้กำลังใจตลอดเวลา ชมพู่จึงคิดว่าเดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็แค่เดินไม่ได้เท่านั้นเอง

หลังจากที่ชมพู่ต้องหยุดเรียนเพื่อพักรักษาตัว และเมื่อเห็นว่าไม่สะดวกที่จะเรียนโรงเรียนเดิม ชมพู่จึงย้ายไปเข้าโรงเรียนใหม่ที่เปิดรับผู้พิการ รวมถึงมีสถานที่ที่สะดวกต่อการเรียน ส่วนในแง่การใช้ชีวิตประจำวัน ที่บ้านต้องทำห้องน้ำ และห้องนอนใหม่ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งในช่วงแรกที่กลับมาบ้าน จะมีญาติคอยช่วยเข็นรถ และช่วยชมพู่แต่งตัว แต่หลังจากนั้น 1 เดือน ชมพู่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยระหว่างที่เรียนเธอก็ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ เหมือนคนทั่วไป และในเทอมแรกก็ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.96 หลังจากนั้นเมื่อชมพู่ต้องก็เอนทรานซ์ เธอก็ได้เลือกไว้ 2 สาขา คือ คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ภาคธุรกิจ กับ คณะมนุษยศาสตร์ เอกอังกฤษธรรมดา ซึ่งชมพู่ก็สามารถเอนทรานซ์ติดคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ภาคธุรกิจ แต่เมื่อไปสอบสัมภาษณ์ ชมพู่ก็พบกับอุปสรรคคือ ไม่สามารถขึ้นไปสัมภาษณ์บนตึกได้ เพราะอาคารดังกล่าวมีแต่บันได และต้องรอข้างล่างเพื่อให้ทุกคนสัมภาษณ์เสร็จก่อน อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน จึงจะลงมาสัมภาษณ์ชมพู่ได้

จากนั้นอาจารย์ที่มาสัมภาษณ์ก็บอกชมพู่ว่า คณะนี้บางอาคารไม่มีลิฟต์ แล้วถามชมพู่ว่า จะเรียนอย่างไร ใครจะคอยดูแล ใครจะคอยยกขึ้นไปข้างบน ชมพู่จึงใจเสียว่าอาจจะสอบไม่ผ่านสัมภาษณ์ ต่อมาอาจารย์จึงแนะนำให้ไปเรียนมหาวิทยาลัยเปิด เพราะน่าจะสะดวกกว่า แต่ในที่สุดชมพู่ก็สอบสัมภาษณ์ผ่านด้วยดี ทว่า เมื่อชมพู่คิดว่าการที่เรียนที่นี่อาจทำให้คนอื่นลำบาก เธอจึงตัดสินใจสละสิทธิ์ในที่สุด และเรื่องนี้ก็กระทบต่อจิตใจของชมพู่พอสมควร

เมื่อต้องหาที่เรียนใหม่ชมพู่จึงเสิร์ชหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่เปิดรับคนพิการ และดูว่าคณะอะไรที่พอจะเรียนได้ รวมถึงมองว่า หากเรียนจบแล้วจะไปทำงานอะไร เมื่อเห็นว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีคณะสังคมสงเคราะห์ ชมพู่จึงเลือกคณะนี้เป็นอันดับ 1 และสอบติดคณะดังกล่าวตามที่หวังไว้ โดยชมพู่ กล่าวว่า กำลังใจจากครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญ พวกเขาดูแลตนอยู่ทุกวัน ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหนื่อย แต่เขาไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย หรือแสดงอะไรให้เห็น ดังนั้นตนจะยอมแพ้ได้อย่างไร จากนั้น ชมพู่จึงต้องย้ายจาก จ.ขอนแก่น เข้ามาอยู่หอในมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะมีศูนย์นักศึกษาพิการ ดังนั้นในช่วงแรกจะมีรุ่นพี่มาคอยแนะนำ และช่วยดูแลในเรื่องต่าง ๆ และชมพู่ยังมีรูมเมทที่คอยช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ด้วย โดยระหว่างที่เรียนชมพู่ยังได้ตำแหน่งดาวคณะจากการโหวตของเพื่อน ๆ ด้วย กระทั่งมีรุ่นพี่แนะนำให้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการประกวดมิสวีลแชร์ เมื่อชมพู่อ่านรายละเอียดต่าง ๆ ในเว็บไซต์แล้ว จึงตัดสินใจสมัครทันที

ชมพู่ เล่าว่า หลังจากที่ได้รับตำแหน่ง มิสวีลแชร์ ไทยแลนด์ 2012 ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีคนเข้ามาทักทายอยู่เป็นประจำ ที่ผ่านมาชมพู่รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก เพราะถึงแม้ว่าร่างกายจะพิการ แต่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ และชมพู่ยังวางแผนอนาคตว่า อยากจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์คอยดูแลช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส หรือยากลำบาก เพราะอยากช่วยเหลือให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ปัจจุบันเธอสำเร็จการศึกษา คณะสังคมสงเคราะห์ จากรั้วธรรมศาสตร์ เรียบร้อยแล้ว

ขอขอบคุณ : thaidoi

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่