เผยเคล็ดลับ ต้มมะระไม่ขม ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว
ไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันนี้เราสามารถลดความขมของมะระได้ ไม่ว่าเราจะทำเมนูอะไรก็อร่อย ลิ้นของเราก็จะไม่ขม แถมยังได้สารอาหารครบถ้วนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกับไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม วิตามินซี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรง และไม่ป่วยได้ง่าย อีกทั้งเรายังมีเคล็ดลับดีๆในการต้มมะระยังไงให้อร่อยและไม่ขม แถมไม่เหม็นเขียวด้วยนะคะ
ทำไมมารับจะต้องมีรสชาติขม
เนื่องจากมะระเป็นพืชล้มลุกชนิดไม้เถา เรียกได้ว่าตระกูลเดียวกับฟัก แฟง แตงกวา ซึ่งมีรสชาติขมเกิดขึ้นเพราะว่าภายในนั้นมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Momodicine มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นทำให้เรารู้สึกต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น เรียกน้ำย่อยได้ดี เป็นยาระบายอ่อนๆชนิดหนึ่ง เมื่อทานมะระจึงมีรสขม เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของท้องผูก รวมไปถึงบุคคลที่ต้องการให้ร่างกายแข็งแรงด้วยค่ะ
เคล็ดลับในการลดความขมของมะระ
1 ต้องเลือกมาเล่าให้เป็น
– เทคนิคที่ควรจะรู้ก็คือ การเลือกมะระนั้นจะต้องเลือกมะระลูกอวบๆ รูปร่างไม่คดงอ รูปร่างจะต้องตรง เพื่อที่จะนำมาแบ่งเป็นชิ้นได้ง่าย
– ควรเลือกมะระที่เป็นริ้วใหญ่และห่างกัน จับดูแล้วเนื้อจะต้องแข็ง
– ผิวของมาละน่าจะต้องเป็นสีเขียวอ่อน ไม่ขาวซีด และไม่เหลือจนเกินไป ถ้ามาเริ่มออกเป็นสีเหลืองส้ม หรือเนื้อเริ่มนิ่ม แสดงว่ามะระลูกนั้นเริ่มแก่แล้วรสชาติขมมาก
2 ลดความขมด้วยเกลือ
หลังจากหั่นมะระเป็นชิ้นแล้ว ให้ใช้ช้อนขูดใส้และเมล็ดออก จากนั้นจึงนำมาคลุกกับเกลือ โดยมะระ 1 ลูก ให้ใช้เกลือประมาณ 2 ช้อน โรยให้ทั่วและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก นำไปลวกต่อในน้ำเดือดแล้วจึงนำไปปรุงตามขั้นตอนต่างๆ
3 ลวกด้วยน้ำเกลือ
วิธีนี้เหมาะสำหรับเมนูผัด เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดแล้วเติมเกลือลงไป นำมะระที่ซอยแล้วลงไปลวก พอมะระเริ่มออกสีเขียวเข้ม ให้รีบตักขึ้นมาล้างในน้ำเย็นเลยทันที ยิ่งน้ำเย็นจัดเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะทำให้มะระกรอบและมีสีสวย จากนั้นจึงตักขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปผัดหรือทานสดๆเป็นเครื่องเคียงกับขนมจินก็ได้
4 หยำเกลือ คลุกเกลือ
ถ้ามะระมีรสขมมากๆ ให้ใช้วิธีซอยบางๆ แล้วนำไปหยำกับเกลือจนเนื้อนุ่ม หรือนำไปแช่ในน้ำเกลือสักพัก ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาดสัก 2-3 น้ำ เพื่อให้มะระหายเค็ม จากนั้นก็นำไปปรุงอาหารต่อได้เลย
5 ต้มน้ำหลายครั้ง
ถ้าไม่ต้องการให้มะระขม ให้นำมะระไปต้มในน้ำเดือดและเปลี่ยนน้ำหลายๆ ยิ่งเปลี่ยนน้ำมากเท่าไหร่ ความขมจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆเท่านั้น แถมยังได้เนื้อมะระที่นุ่มเหมาะสำหรับการต้มหรือตุ๋นด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรต้มมะระหลายครั้งจนเกินไป เพราะจะทำให้มะระจืดจนเสียรสชาติไปหมด
6 ต้มโดยไม่ปิดฝาหม้อ
เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสขมของมะระติดปลายลิ้นเล็กน้อย หรือเหมาะกับเมนูมะระยัดใส้ โดยหลังจากปรุงรสน้ำซุปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ต้มไปเรื่อยๆด้วยไฟอ่อนๆ และไม่ต้องปิดฝาหม้อ ยิ่งต้มนานเนื้อมะระก็จะยิ่งนุ่ม และมีรสชาตินุ่มนวลที่เหลือรสขมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ข้อควรระวังไว้
1 ไม่ควรที่จะรับประทานมะระที่ไม่สุก เพราะอาจจะทำให้รู้สึกคลื่นใส้และอาเจียนได้ เนื่องจากในมะระนั้นมีสารที่เรียกว่าซาโปนินอยู่มากมาย ซึ่งเจ้าสารนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกอาเจียน
2 พยายามอย่าทานมะระมากเกินไป เพราะจะทำให้คนท้องเสียได้ เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
เมื่อคุณรู้แบบนี้แล้วในการรับประทานมะระครั้งต่อไปบอกหรือว่าจะต้องอร่อยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นต้มจืด แกงจืดมะระ ผัดผักมะระ มะระผัด ยำมะระสด หรือว่าจะนำไปลวกจิ้มกับน้ำพริก ก็ไม่ต้องกลัวขมอีกต่อไป เพราะว่าเรานำเคล็ดลับดีๆมาฝากคุณแล้ว และคุณก็สามารถทำตามได้เช่นกัน
เรียบเรียงโดย : Postsod