สุดยอด! ‘ดารารุ่นใหญ่’ ดังมากแต่กลับใช้ชีวิตติดดิน แถมยังใจบุญอีกด้วย!
เคยมีคนพูดว่า.. ในโลกนี้ชายผู้ที่มีเสน่ห์ที่สุดในจอ ก็คงต้องยกให้กับ “โจวเหวินฟะ”
โจวเหวินฟะ นักแสดงชาวเอเชียที่มีผลงานมากมายและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
โจวเหวินฟะ ทั้งหล่อ ใจดี สปอร์ต มีความสามารถและใจบุญ สมกับเป็นพระเอกในดวงใจของแฟนคลับจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหม่า แห่ง “โหดเลวดี” ที่สวมเสื้อโค้ทสีดำยาว คาบไม้ขีดไฟในปากและนั่งเผาเงินในห้องบอลรูม หล่อเท่สุดๆ ไปเลย
หรือในภาพยนตร์เรื่อง “อาหลาง” ที่โจวเหวินฟะเล่นเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซด์ ทั้งซาบซึ้งและประทับใจมากๆ
หรือ หลี่มู่ไป๋ แห่งภาพยนตร์เรื่อง “พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก” ทั้งเก่งและกล้าหาญ และสุดท้ายก็ต้องเสียสละชีวิตเพื่อความยุติธรรมและเพื่อความฝันในใจ
จนไปถึงบทบาทที่ทุกคนจดจำได้ที่สุด โคตรเซียนเกาจิ้ง ในภาพยนตร์เรื่อง “คนตัดคน” ไม่ว่าจะเป็นตอนเกาจิ้งสติเลอะเลือนเหมือนปัญญาอ่อน หรือตอนกลับคืนสภาพความเป็นโคตรเซียนเหมือนเดิมได้ โจวเหวินฟะก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมน่าทึ่ง จนใครๆ ก็ลืมเกาจิ้งบทบาทนี้ไม่ลง
อย่างไรก็ตาม แต่ละบทที่โจวเหวินฟะรับเล่น ต่างมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและมีเสน่ห์ในตัว และได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย
“ผมชอบกินช็อคโกแลต เพราะเกาจิ้งก็ชอบกินเหมือนกัน
ผมชอบดูการแข่งรถมอเตอร์ไซด์ เพราะอาหลางเป็นนักแข่งเช่นกัน
ผมชอบใส่เสื้อโค้ทสีดำยาว เพราะสี่เหวินเฉียงก็ชอบใส่เหมือนกัน
ผมชอบคาบไม้จิ้มฟัน เพราะเสี่ยวหม่าก็ชอบทำแบบนี้เช่นกัน
ผมชอบทำไพ่บิน เพราะอาเคนก็ชอบทำแบบนี้เช่นกัน”
ทุกบทบาทที่เขาเล่น ก็เหมือนเป็นโจวเหวินฟะตัวเองจริงทั้งนั้น
หลายคนถามว่า ยังมีผู้ชายคนไหนที่มีเสน่ห์กว่าโจวเหวินฟะในจออีกมั้ย มีค่ะ นั่นก็คือโจวเหวินฟะที่อยู่ในชีวิตจริงค่ะ
เขาใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ
เขาไม่เคยโอ้อวดชีวิตตัวเองและไม่ชอบไปแย่งอะไรกับใครทั้งนั้น ใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิต มีชีวิตแสนธรรมดา เรียบง่ายและสมถะ
หลายคนมองว่าชีวิตที่มีความสุขต้องมีเงินมหาศาล ขับรถหรู อยู่ในบ้านคฤหาสน์หรูและได้สิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร แต่ทั้งหมดนี้เขาไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดจะอยากได้เลย เพราะเขารู้ว่าชีวิตที่มีความสุขไม่ได้วัดจากสิ่งนอกกายเหล่านี้
ดังนั้นเมื่อพวกคนดังไปไหนมาไหนต้องนั่งแต่รถหรู แต่เขากลับชอบนั่งรถบัสและรถไฟฟ้าใต้ดิน
น้อยนักที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรู แต่เขากลับชอบไปซื้อผักต่างๆ ในตลาดแล้วกลับบ้านมาทำอาหารกินเอง
จนชาวฮ่องกงชอบพูดกันว่า “ถ้าอยากจะเจอเหล่าดาราก็ต้องไปที่ห้างหรู แต่ถ้าอยากจะเจอโจวเหวินฟะละก็ต้องไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน ป้ายรถเมล์และตลาด”
เวลาโดนคนหัวเราะใส่ว่าเขาไม่รู้จักใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เขาอธิบายว่า “ความฝันของผมคือใช้ชีวิตแบบธรรมดาและเรียบง่าย สิ่งที่หลายๆ คนพยายามค้นหานั้นผมไม่ต้องการ ผมต้องการจิตใจที่สงบและเบิกบาน แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วล่ะ”
ก็อย่างกับเจิ้งอี้เจี้ยนกล่าว “ในขณะที่ดาราหลายคนพยายามสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง โจวเหวินฟะได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปแล้ว” โจวเหวินฟะชอบไปซื้อของใช้ที่มีราคาถูกในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เสื้อยืดใส่แต่ของราคา 98 หยวนและรองเท้าแตะคู่ละ 15 หยวนเท่านั้น…
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อพิธีกรถามเขาว่า “คุณชอบซื้อเสื้อผ้าแบรนด์อะไร” โจวเหวินฟะตอบว่า “ผมไม่จำเป็นต้องซื้อ ผมชอบใส่เสื้อผ้าเก่า” พิธีกรถามต่อว่า “แล้วเสื้อผ้าที่ใส่ในงานต่างๆ ล่ะ จะเอากลับบ้านใส่มั้ยครับ” โจวเหวินฟะถามกลับว่า “ใส่สบายหรือ” พิธีกรถามตอบ “ไม่สบาย ใส่แล้วอึดอัด” โจวเหวินฟะกล่าวต่อว่า “เราใส่เสื้อผ้าเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ได้ใส่เพื่อโชว์ให้ใครมาดูทั้งนั้น ผมจึงไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้าที่มีราคาแพง”
แต่ก็มีบางคนเริ่มสงสัยว่า สาเหตุที่โจวเหวินฟะต้องกลับมาใช้ชีวิตแสนธรรมดานี้ อาจเป็นเพราะไม่มีเงินหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้เล่นหนังมานานแล้วนี่
จนถึงล่าสุด ภรรยาของโจวเหวินฟะออกมาเปิดเผยว่า โจวเหวินฟะมีสมบัติรวมมูลค่า 5.6 พันล้านบาท และมีความตั้งใจว่าหากเขาเสียชีวิตลงเขาจะบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลทั้งหมด
10 ปีก่อน เมื่อโจวเหวินฟะถูกถามถึงว่า เขาจะจัดการกับเรื่องรายได้มหาศาลของตัวเองยังไง ทั้งๆ ที่เขาไม่มีลูกหลานต้องดูแล เขาตอบว่า “เงินพวกนี้ไม่ใช่เป็นของเขา เขาแค่ช่วยเก็บไว้ก่อนเท่านั้น เดี๋ยวก็ต้องคืนกลับไป” ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็คงวางแผนไว้แล้วว่าจะมอบสมบัติของตัวเองให้กับสังคม
โจวเหวินฟะกล่าว่า “ตอนนี้ผมก็เข้าสู่วัยเกษียณแล้ว ไม่ได้ใช้เงินอะไร ไม่มีลูกหลานให้ดูแล ก็อยากจะมอบสมบัติที่เก็บหอมรอมริบที่ได้รับมาจากสังคม คืนกลับให้สังคมที่มีบุญคุณกับผม
ถึงจะรวย แต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือย แถมยังมีจิตใจงดงาม นับว่าเป็นดาราดังที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา มีแนวทางการใช้ชีวิตดีๆ ไม่ถือตนยกสูง แม้ตัวเองจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหนก็ตาม
โจวเหวินฟะ นักแสดงผู้มักจะมาพร้อมกับบทประเภทบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ จริงๆ ในชีวิตจริงแล้ว โดยเฉพาะเมื่ออยู่บ้าน เขาไม่ได้มีบุคลิกที่ยิ่งใหญ่เป็นยอดคนอะไรแบบนั้นเลย แถมยังใช้ชีวิตแบบประหยัดมากกว่าทุกคนอีก
เขาไม่เล่นเฟซบุ๊ก วีแชท โทรศัพท์มือถือสำหรับเขาแค่โทรติดต่อได้ก็พอ เมื่อไอโฟนพัฒนาไปถึง 6 แล้ว เขายังใช้โนเกียรุ่นเก่าอยู่เลย จนกว่าเครื่องโนเกียของเขาเสีย เขาถึงยอมใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเก่าของภรรยาต่อ
“เราไม่ต้องการเสียงจากภายนอกมากนัก แต่เราควรฟังเสียงในใจเราบ้าง” โจวเหวินฟะกล่าว
ไม่ชอบเล่นโทรศัพท์ แต่กลับชอบออกไปคุยเล่นกับเพื่อนบ้านที่คุ้นเคย หรือกับร้านค้าแถวบ้าน จนซื้อของกินข้าวไม่ต้องจ่ายเงินทันที สามารถติดไว้จ่ายตอนสิ้นเดือนทีเดียวก็ได้
เขาชอบซื้ออาหารกินตามร้านข้างทาง และชอบเดินหาซื้อของในตลาด นี่แหละ ชีวิตแบบธรรมดาที่มีความสุขที่เขาต้องการ
นอกจากชอบเดินตลาดแล้ว เขายังมีงานอดิเรกซึ่งก็คือการถ่ายภาพ เขาชอบพกพากล้องแล้วออกไปเที่ยวคนเดียว บอกได้เลยฝีมือการถ่ายภาพของเขาไม่เลวนะ
ในปี 1997 พี่สาวของเขาแอบนำภาพถ่ายสามภาพของเขาไปเข้าร่วมการแข่งขันและก็ได้รับรางวัลอีกด้วย
จนช่างภาพชาวฮ่องกงชื่อดังรายหนึ่งต้องชมเขาว่า “คนที่ถ่ายฉากที่ดีที่สุดในฮ่องกง ก็คงต้องยกให้โจวเหวินฟะแน่นอน”
และไม่กี่ปีที่ผ่านมา โจวเหวินฟะก็เริ่มชอบไปออกกำลังกายปีนเขา ในแต่ละสัปดาห์เขาจะใช้เวลาสองสามวันออกไปปีนเขา วันละอย่างน้อยหกชั่วโมง ในเวลาเพียงครึ่งปี เขาก็ลดน้ำหนักไป 10 กว่าโลเลยทีเดียว
เขากล่าวว่า “ต้องมีสุขภาพร่างกายที่ดีก่อน จึงจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ การที่เอาสุขภาพไปแลกกับเงิน มันเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตจริงๆ”
ใช้เวลาทั้งชีวิตมารักใครสักคน ตอนที่โจวเหวินฟะเพิ่งคบภรรยาใหม่ๆ ถึงเขาจะเป็นดารารุ่นใหญ่ชื่อดัง แต่เขาก็มีนิสัยที่คล้ายกับหนุ่มๆ ทั่วไปนะ มักจะส่งโปสการ์ดสวยๆ ให้เธอและต้องโทรหากันวันละสามครั้ง หลังจากความรักของสองคนถูกเปิดเผย หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเป็นเธอ ทั้งๆ ที่มีดาราหญิงที่สวยงามกว่าเธอมากมาย
โจวเหวินฟะเลยออกมาตอบทุกคนอย่างจริงจังว่า “สาวหน้าตาดีผมเห็นมาเยอะ แต่ผมสนใจที่นิสัยและหัวใจ การมีจิตใจที่งดงามจะสำคัญกว่าทุกอย่าง”
ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันจนถึงทุกวันนี้
หลังจากแต่งงานไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ เมื่อสองคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารอลูกคลอด แต่กลับได้ข่าวร้ายว่า ทารกเสียชีวิตในครรภ์ การสูญเสียลูกไปทำให้ภรรยาของเขาเอาแต่โทษตัวเองทุกๆ วัน ด้วยความเป็นห่วงภรรยา เขาจึงเลื่อนงานออกไปและกลับบ้านมาอยู่กับภรรยาหลายเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภรรยาเสียใจอีก เขาจึงตัดสินใจว่า จะไม่มีลูกอีกแล้ว
การตัดสินใจของเขาทำให้ครอบครัวของเขาและคนในสังคมหลายคนเกิดความไม่พอใจ จนมีคนตำหนิเขาว่า เขาเป็นคนที่ไม่มีความกตัญญู แต่เพื่อภรรยา เขาสามารถทนความกดดันและคำตำหนิต่างๆ จากทุกคนได้
เมื่อมีคนถามเขาว่า “ไม่มีลูกไม่รู้สึกเสียใจหรอ?” เขากล่าวว่า “ไม่เสียใจครับ เราสองคนก็มีความสุขมากพอแล้ว ผมรักเธอมากกว่ารักตัวเอง”
แม้ว่าจะไม่มีลูก แต่ชีวิตคู่ของพวกเขาก็ยังหวานและน่าอิจฉา เวลาไปช้อปปิ้ง สองคนชอบใส่เสื้อคู่กัน
ชอบจับมือกันแล้วไปเดินตลาดกัน ใช้ชีวิตแสนธรรมดาด้วยกัน
หรือไม่ก็จะชอบออกไปเที่ยวทั่วโลกดูวิวสวยงามด้วยกัน
ในวันเกิดครบ 60 ปีของโจวเหวินฟะ สองคนได้ไปฉลองในร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง
เธอคงต้องมีความสุขมากๆ ไม่งั้นก็คงไม่ออกมาเผยกับทุกคนว่า “ของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ฉันในชีวิตนี้ ก็คือให้ฉันเป็นภรรยาของโจวเหวินฟะ”
เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีสุดๆ เลยที่ได้พบกับผู้ชายที่รักเธอมากกว่ารักตัวเอง
โจวเหวินฟะ สามารถใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและตามที่ใจต้องการ นี่แหละพอเพียงของจริงและตัวอย่างคนทำดีเพื่อสังคม
ขอขอบคุณ : liekr