จู่ๆหมอบอกว่าเธอ “ท้อง” ทั้งที่ สามีเป็นอัมพาตมา3ปี ชาวบ้านว่าเธอมีชู้ แต่สุดท้ายผลตรวจออกมา

0

จู่ๆหมอบอกว่าเธอ “ท้อง” ทั้งที่ สามีเป็นอัมพาตมา3ปี ชาวบ้านว่าเธอมีชู้ แต่สุดท้ายผลตรวจออกมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเร็วนี้มีเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่มีผู้คนให้ความสนใจกันมาก เป็นเรื่องราวความรักที่ภรรยาสุดสวยมีต่อสามีที่เป็นอัมพาตหลังประสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถขยับตัวได้นานกว่า 3 ปี โดยตลอดระยะเวลานี้ เธอคอยดูแลสามีอย่างดี แต่แล้ววันหนึ่งจู่ๆ หมอก็บอกว่าเธอ ตั้งครรภ์?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ความคิดแรกของคนรอบข้างและญาติของฝ่ายชายคือ มองเธอในแง่ร้ายก่อนเลย

บางคนก็บอกว่า “สาวสวยอย่างเธอคงเหงามาก จนต้องไปมีอะไรกับคนอื่นเลยหรอ?”

บางคนก็สงสัยว่า “เธอเอาเวลาทั้งวันดูแลสามีที่นอนเป็นอัมพาตแบบนี้ เอาเวลาไหนไป..??” เธอดูกตัญญูมากเลยนะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นละ??

เรื่องของเธอกลายเป็นที่ครหา นินทาของคนทั้งหมู่บ้าน สุดท้ายภรรยาสาวสวยจึงออกมาบอกว่า “ฉันไม่ได้มีชู้ ลูกในครรภ์เป็นของสามี ฉันท้องกับสามีจริงๆ” แต่ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เธอพูด มีแต่แม่สามีที่เชื่อว่าเธอไม่ได้มีชู้จริงๆ

จนกระทั่งเธอคลอดลูกออกมา เพื่อนและคนในหมู่บ้านยังคงไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดอยู่ดี บอกว่า “มันยากที่จะเชื่อได้ คนนอนเป็นอัมพาตจะทำผู้หญิงท้องได้อย่างไง?”

ภรรยาสุดทน จึงไปขอให้หมอช่วยตรวจ DNA ให้ลูกและสามี ผลออกมาก็พิสูจน์แล้วว่า “พวกเขาทั้งสองเป็นพ่อลูกในสายเลือดกันจริง ” ทำให้คนทั้งหมู่บ้านเริ่มมีคนเชื่อในสิ่งที่เธอยืนยัน แต่พวกเขาคิดไม่ตกว่า คนนอนเป็นอัมพาตจะทำผู้หญิงท้องได้อย่างไงกัน?

ภรรยาสาวจึงออกมาอธิบายว่า “ตนเองได้มีอะไรกับสามีจริงๆ ถึงแม้สามีจะนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง แต่ก็ยังมีปฏิกิริยาโต้ตอบได้บ้าง ในบางจุด สมองมีการโต้ตอบ ตอนนี้คนทั้งบ้านหวังให้สามีจะฟื้นขึ้นมาได้เป็ปกติ”

โดยมีเพื่อนชาวเน็ตออกมาแสดงความคิดเห็นบอกว่า “เมื่อก่อนสามีของตนเองก็เคยประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาต นอนอยู่บนเตียงเหมือนสามีของเธอ ทำให้ต้องจ้างแรงงานต่างด้าว มาเป็นผู้พยาบาลดูแลสามี แต่ผ่านไป 6 เดือน จู่ๆผู้พยาบาลคนนั้นก็ท้องขึ้นมา ฉันในฐานะที่เป็นภรรยาอึ้งไปเลยตอนนั้น เมื่อมารู้ความจริงทีหลัง จึงไล่ผู้พยาบาลคนนั้นกลับประเทศทันที”

หลายคนคิดว่า คนเป็นอัมพาตนอนบนเตียงจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบได้ แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาก็มีสติ สมองยังทำงานได้ ตราบใดที่สมองยังไม่ตาย ถึงแม้จเป็นเรื่องน่าเหลืือเชื่อก็ตาม!

ขอขอบคุณ : liekr

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่