เศรษฐีใจดี “ให้เงินขอทาน 5 หมื่น!” สงสัยว่าจะโดนหลอก เลยสะกดรอยตามไป จนได้รู้ว่า…
เถ้าแก่ซินปีนี้อายุ 50 กว่า เขาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เป็นเศรษฐีมีเงินเป็นสิบๆล้าน ผู้คนมากมายอิจฉาเขา แต่ช่วงนี้เขากำลังเจอปัญหาสุดปวดหัว ลูกชายวัย 22 ของเขาไม่เอาอ่าว ไม่ยอมเรียนหนังสือ วันๆเอาแต่มั่วสุมกับเพื่อน เมื่อครึ่งปีที่แล้วก็โดนจับข้อหาเสพยาเสพติดในผับ เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน พอกลับมาถึงบ้านก็ขอเงินพ่อเพื่อจะเอาไปเที่ยวทันที เถ้าแก่ซินโกรธจนระงับบัตรเครดิตทุกใบของลูกชาย แล้วก็ขังเขาไว้ในบ้าน
ลูกชายหงุดหงิดไม่พอใจที่พ่อไม่ตามใจ โวยวายว่าจะขโมยรถไปขาย เถ้าแก่ก็เลยบอกลูกอย่างใจเย็นว่า : “อาทิตย์หน้าพ่อจะกลับไปบ้านนอกบ้านเกิด ถ้าลูกไปด้วยแล้วทำตามที่พ่อบอกทุกอย่าง เมื่อกลับมาบ้านแล้วลูกต้องการอะไรพ่อจะให้” ลูกชายได้ยินพ่อพูดอย่างนี้ ก็แสยะยิ้มแล้วตกลงทันที
3 วันต่อมา เถ้าแก่ซินก็พาลูกชายนั่งรถไฟกลับบ้านเกิด ตอนแรกลูกชายก็งงว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินไป แต่พอคิดถึงคำพูดที่ตกลงกับพ่อไว้ก็ไม่พูดอะไร นั่งลงบนเบาะแข็งๆก่อนจะผลอยหลับไป เถ้าแก่ซินมองหน้าลูกแล้วถอนใจ ตอนที่ตัวเองอายุเท่าลูกก็ออกมาทำงานหาเงินแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเข้ามาเรียนรู้งานอยู่ในโรงงานเครื่องจักร ทุกวันต้องทำงานมากกว่า 15 ชั่วโมง แถมโดนหัวหน้าด่าบ่อยๆ สามปีต่อมาถึงได้กลายเป็นพนักงานของโรงงานจริงๆ
รถไฟมุ่งหน้าเข้าไปในความมืดพร้อมเสียงล้อกระทบราง “กึงกึง” เถ้าแก่มองไปไกลแล้วนึกถึงตัวเอง ตอนตัวเองวัยรุ่นชีวิตแสนลำบาก ก็เลยพยายามทำให้ลูกสบายที่สุด นึกไม่ถึงว่าลูกชายจะทำตัวเป็นลูกชายเศรษฐีไร้แก่นสาร วันๆนอกจากแข่งรถจีบสาวแล้ว ก็กินเหล้ามั่วสุมแค่นั้น
ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นทุ่งนาสีเหลืองอร่าม ลูกชายของเขารู้สึกตัวตื่นแล้ว ตื่นมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตะโกนบอกพ่อเสียงดังว่าหิว เถ้าแก่ซินก็เลยล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบหมั่นโถวมาสองลูกวางไว้หน้าลูก ลูกชายทำตาโตมองพ่อ สีหน้าแสดงความไม่เชื่อ หยิบหมั่นโถวมาโยนไปบนโต๊ะ เถ้าแก่ซินก็เลยยิ้มๆไม่พูดอะไร แล้วมองไปนอกหน้าต่างต่อ พร้อมกินหมั่นโถวก้อนนึงไปด้วย
พระอาทิตย์กำลังจะตกอีกรอบ ลูกชายถูกความเมื่อยเข้ารุมเร้าจนตื่น ท้องก็ร้องจ๊อกๆ เขาจ้องมองบะหมี่สำเร็จรูปในมือของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมกลืนน้ำลาย ชายคนนั้นสวมชุดคนงานเก่าๆแลดูสกปรกส่งยิ้มมาให้เขา เขาเมินมองไปอีกทาง เถ้าแก่ซินเห็นปฏิกิริยาของลูกชายก็ส่ายหัว หยิบหมั่นโถวออกมาอีกรอบ ลูกชายก็ดึงไปกินเอากินเอา มื้อต่อๆมาก็เป็นอย่างนี้ ลูกชายมีแค่หมั่นโถวให้กินเพื่อระงับความหิว
รถไฟหยุดที่เมือง Yanchuan เถ้าแก่ซินก็เรียกให้ลูกชายลงจากรถ เดินออกมาจากสถานีไม่ไกล มีกลุ่มคนกำลังมุงดูอะไรสักอย่าง สองพ่อลูกก็เลยเดินเข้าไปดู ก็เห็นหญิงวัยประมาณ 30 อุ้มลูกชายที่แขนพิการนั่งอยู่ข้างถนน ด้านหน้าเธอมีกล่องใบหนึ่งที่มีเศษเงินอยู่นิดหน่อย ด้านบนเขียนว่าเธอต้องการเงินไปรักษาลูก พร้อมเขียนชื่อ เลขบัตรประชาชนและเบอร์โทรของเธอไว้ข้างๆ
ลูกชายพอเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้น ก็กระซิบบอกพ่อว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ สถานีรถไฟหลายๆแห่งล้วนมีขอทานพวกนี้ มีแขนขาครบถ้วนแต่มาแบมือขอเงินคนอื่น เถ้าแก่ซินมองไปที่เลขบัตรประชาชนบนกล่องอยู่นาน เด็กน้อยที่แขนพิการก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา เถ้าแก่ซินคิดถึงสมัยเด็กๆ แม้ว่าที่บ้านจะยากจน แต่พอแม่เขาเห็นแม่ลูกขอทานมาขอเงิน แม่เขาก็น้ำตาไหลแล้วก็ให้ข้าวสองแม่ลูกไปกินแทน
เถ้าแก่ซินก้มลงไปลูบหัวเด็กน้อย เจ้าเด็กนั่นก็หัวเราะให้เขา เถ้าแก่ซินก็เลยล้วงกระเป๋าตังค์แล้วหยิบเอาเงินออกมาห้าหมื่น ท่ามกลางสายตาและเสียงตื่นเต้นของผู้คนรอบๆตัวรวมถึงลูกชายแล้วใส่ลงไปในกล่องด้านหน้าหญิงสาวคนนั้น หญิงคนนั้นไม่ได้เงยหน้ามามองเถ้าแก่ซินเลย เธออุ้มลูกไว้มือถึงอีกมือก็วางบนพื้นทำท่าคารวะเขา เถ้าแก่ก็เลยประคองให้เธอลุกขึ้นมา ก่อนพูดเบาๆว่าให้ไปซื้ออะไรให้ลูกกิน แล้วก็เดินออกมาจากกลุ่มคน
ลูกชายเห็นดังนั้นก็แน่ใจว่าพ่อโดนหลอกแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นวันนี้คงได้ฉลองใหญ่เพราะได้เงินไปถึงห้าหมื่น เถ้าแก่ซินพูดกับลูกว่าสองแม่ลูกดูไม่เหมือนพวกนักต้มตุ๋น นักต้มตุ๋นจะทำท่าลำบากใจที่ได้รับเงินมั้ย? ลูกชายไม่พูดอะไรอีก เดินตามหลังพ่อไป ไปถึงหมู่บ้านก็ต้องตรากตรำทำงานอย่างยากลำบาก วันๆนึงมีแค่ข้าวกับแตงกวาดองเป็นอาหาร
วันที่ 6 เถ้าแก่ซินก็พาลูกกลับมาที่สถานีรถไฟ เตรียมตัวกลับบ้าน เถ้าแก่ซินไม่ได้พูดอะไร แต่ลูกชายเขาทำท่าเม้มปาก ทำให้เขาเริ่มมองเห็นความหวัง เมื่อสองพ่อลูกมาถึงสถานีรถไฟ ก็เจอผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่เดิม ที่ต่างไปก็คือเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนเธอกลายเป็นเด็กผู้หญิงผูกเปีย ลูกชายชี้ไปที่หญิงคนนั้น แล้วบอกว่า : พ่อดู ผมบอกแล้วว่าพ่อถูกหลอก ผู้หญิงคนนี้เป็นนักต้มตุ๋น
ลูกชายล้วงมือถือออกมาเตรียมโทรแจ้งตำรวจ เถ้าแก่ซินเอื้อมมือออกไปห้ามลูกชาย บอกว่าเดี๋ยวเราสองคนตามไอ้นักต้มตุ๋นนี่ไปที่รังของมันแล้วค่อยแจ้งตำรวจก็ยังไม่สาย ฟ้าเริ่มมืด ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นเก็บของ อุ้มเด็กผู้หญิงออกเดินไปหัวเราะไป เถ้าแก่ซินเดินกัดฟันสะกดรอยตามไปด้านหลัง สิบกว่านาทีจากนั้น หญิงคนนั้นก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วที่ล้อมบ้านเก่าๆหลังหนึ่งไว้ เธอล้วงมือลงไปหยิบกุญแจมาไขประตูแล้วเดินเข้าไป สองพ่อลูกก็ตามเข้าไปด้วย
ในสวนหน้าบ้านมีเสื้อผ้าของเด็กเล็กๆ 10 กว่าชุดตากอยู่ บนผนังมีกระดานดำแผ่นใหญ่ที่มีลายมือโย้เย้ เถ้าแก่ซินมองรอบๆตัวด้วยความไม่เข้าใจ ในบ้านมีเสียงหัวเราะลอดออกมา สองพ่อลูกเดินไปแอบมองดูจากทางหน้าต่าง เด็กพิการ 5-6 คนยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่รอบๆผู้หญิงคนนั้น เธอหยิบเอาขนมออกมาแจกเด็กๆ จากนั้นก็เดินไปที่เตียง บนเตียงมีเด็กคนนึงนอนน้ำลายไหล ไม่สามารถขยับตัวได้ เธอช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ด้วยสายตาอ่อนโยน
เถ้าแก่ซินน้ำตาคลอ หันมามองดูลูกชายที่อยู่ข้างๆ ลูกชายก็กำลังแอบเช็ดน้ำตา เมื่อเห็นว่าพ่อมองมา ก็แกล้งส่ายหัว เถ้าแก่ซินกับลูกชายก็ค่อยๆแอบออกมาจากที่นั่น นอนในเมืองไปหนึ่งคืน พอวันต่อมาก็นั่งรถไฟกลับไปในตอนบ่าย
เย็นวันนั้น หญิงสาวอุ้มเด็กน้อยกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งวางอยู่ในบ้าน ด้านบนมีจดหมายฉบับหนึ่ง เด็กที่โตที่สุดบอกว่า เมื่อกลางวันมีคุณปู่กับคุณอาคนหนึ่งมาที่นี่ ทั้งสองบอกว่าให้เอากระเป๋าใบนี้ให้แม่ แถมยังให้ลูกอมพวกเราด้วย หญิงสาวหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน บนจดหมายเขียนว่า “คุณแม่ใจดี” เธออ่านจดหมายไปมือสั่น ต้องเอามือป้องปาก
จริง ๆ แล้วผู้หญิงคนนี้ชื่อ หวังเซาลู่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วหลังแต่งงานใหม่ๆเธอเก็บเด็กพิการได้หนึ่งคน สามียืนกรานจะหย่ากับเธอถ้าเธอจะเลี้ยงเด็กไว้ ต่อมาเธอก็รับเลี้ยงเด็กพิการที่โดนทอดทิ้งมาอีก 6-7 คน ภาระที่มากขึ้นทำให้เธอเริ่มดูแลไม่ไหว จึงทำได้แค่ไปขอทานอยู่หน้าสถานีรถไฟ พอตกเย็นก็กลับมาดูแลลูกๆ ทำอย่างนี้มา 5 ปีแล้ว
หวังเซาลู่รูดซิปเปิดกระเป๋าออกดู ข้างในมีเงินสด 4 ล้านบาท เธอกอดเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆร้องไห้โฮ ลูกชายของเถ้าแก่ซิน เมื่อกลับถึงบ้านก็เลิกติดต่อกับเพื่อนๆที่เคยไปมั่วสุมด้วยอย่างเด็ดขาด แล้วก็มาช่วยพ่อทำงานในบริษัทอย่างขยันขันแข็ง และมักจะเข้าร่วมในการบริจาคเงินเพื่อคนยากไร้
ขอขอบคุณ : FW Line