เก็บไว้ทำขนมกล้วย มันเผือก ฟักทองในถ้วยตะไล หวานมันเหนียวนุ่ม

0

เก็บไว้ทำขนมกล้วย มันเผือก ฟักทองในถ้วยตะไล หวานมันเหนียวนุ่ม

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านกลับมาเข้าครัวกันเช่นเคย เมนูในวันนี้เป็นเมนูของทานเล่นเป็นเมนูอาหารว่าง เป็นเมนูขนมโบราณที่เรียกได้ว่าหลายๆคนชื่นชอบในรสชาติกันอย่างแน่นอน และเมนูที่เรานำนำมาฝากกันในวันนี้เป็นเมนูการทำขนมกล้วย มัน เผือก ฟักทองในถ้วยตะไล ที่นำไปนึ่ งบนน้ำเดือด จะให้รสชาติของความหวานมันให้ความเหนียวนุ่มของตัวแป้ง ก่อนอื่นเลยเราตามมาดูในส่วนผสมวัตถุดิบต่างๆ และวิธีการทำด้านล่างในแต่ละขั้นตอนกัน

วัตถุดิบ

1 กล้วยน้ำว้าบด 500 กรัม (ขนมฟักทองและมันต่อเผือกปรับใช้ในปริมาณเท่ากัน)

2 หัวกะทิ 400 กรัม , น้ำตาลปี๊ป 70 กรัม , น้ำตาลทราย 180 กรัม , เกลือ 2 ช้อนชา

3 แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม , แป้งมัน 85 กรัม , แป้งท้าว 85 กรัม

4 มะพร้าวน้ำหอมทึนทึก หรือ มะพร้าวขูดขาว 70 กรัม(สำหรับผสมไปในขนม)

5 มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น (สำหรับโรยหน้าขนม)

วิธีทำ

1 เมื่อเตรียมส่วนผสมข้างต้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เราจะทำการผสมแป้งทั้งหมดแ ป้งข้าวเจ้า แป้งมันและแป้งท้าวเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยๆเติมกะทิลงไป และทำการนวดไปเรื่อยๆจนเนื้อแป้งจับกันเป็นก้อน ในขั้นตอนนี้เราจะใช้กะทิแค่บางส่วนเท่านั้น กะปริมาณเอาไว้พอนวดแป้งให้เป็นก้อน

2 กะทิในส่วนที่เหลือนั้นให้เรานำมาผสมเข้ากับน้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำตาล และทำการคนให้เข้ากัน เมื่อน้ำตาลละลายเข้ากันดีแล้วให้เราเทส่วนผสมนี้ใส่ลงไปในส่วนผสมของแป้งที่เราได้นวดเอาไว้ คนให้เข้ากันจนแป้งละลายเข้ากับกะทิดี

3 กล้วย ฟักทองสุก มันเผือกสุก ให้เรานำมาบดเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นเทผสมลงไปกับแป้งและคนให้เข้ากัน

4 มะพร้าวน้ำหอมทึนทึก หรือ มะพร้าวขูดขาว ผสมลงในแป้งคนให้เข้ากันแล้วพักไว้

5 นำซึ้งใส่น้ำประมาณ 3/4 ตั้งไฟให้น้ำเดือด กับขนมที่เราได้ทำเตรียมเอาไว้ใส่ลงไปในถ้วยตะไล โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดเส้น แล้วนำขึ้นซึ่ง เราจะใช้ไฟแรงและใช้เวลานานประมาณ 20 นาที สังเกตความสุกของเนื้อขนมตัวเนื้อขนมจะใสขึ้นก็เป็นอันใช้ได้ ให้เรายกลงจากเตาพักทิ้งเอาไว้ให้เย็นสนิทแล้วจึงจะออกจากถ้วยตะไล

ไม่ยากกันเลยใช่ไหมละคะ เพื่อนๆที่สนใจและชื่นชอบในการรับประทานก็นำสูตรนี้ไปทำตามกันดูได้ไม่ยาก รสชาตินั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นรสชาติที่ชื่นชอบได้เลย ชอบหวานมากหวานน้อยหรือชอบเครื่องมากขึ้นน้อยก็เลือกใส่ได้ตามความต้องการ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆทุกท่านกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Jn Nong , kubkhao

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่