8 โรคร้ายแรงเหล่านี้จะหายไป โดยไม่ต้องกินยา เพียงแค่กินกล้วยในเวลานี้!

0

8 โรคร้ายแรงเหล่านี้จะหายไป โดยไม่ต้องกินยา เพียงแค่กินกล้วยในเวลานี้!

การกินกล้วยกับประโยชน์ที่ได้จากกล้วยนั้นมีหลายข้อที่คุณยังไม่เคยรู้มาก่อน บางคนกินกล้วยเพื่อเป็นอาหารของการลดน้ำหนัก บางคนเอามากินเป็นผลไม้ยามว่าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากล้วยสามารถรักษา 8 โรคเหล่านี้ให้หายได้โดยที่ไม่ต้องกินยาเลย เพียงคุณกินกล้วยในทุกวันของตอนเช้า

1. โรคโลหิตจาง

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูงมาก และธาตุเหล็กนี่ล่ะที่จะไม่กระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด ช่วยให้คนที่เป็นโรคโลหิตจางกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

2. โรคความดันโลหิตสูง

กล้วยได้ชื่อว่ามีโพแทสเซียมสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ด้วยกัน จึงลดความดันได้ดีมากถึงขนาดที่องค์การอาหารของสหรัฐฯ โฆษณาให้ประชาชนที่เป็นโรคความดันทั้งหลายกินกล้วยให้มากๆ

3. โรคท้องผูก

ท้องผูกเป็นเงื่อนตายของคุณจะถ่ายง่ายระบายคล่อง ถ้าได้ทานเส้นใยอาหารจากกล้วยมาเป็นตัวช่วยในการขับถ่าย

4. โรคซึมเศร้า

อาการซึมเศร้ามักเกิดจากสารเคมีในสมองไม่สมดุล แต่จากการวิจัยพบว่ากล้วยมีโปรตีนชื่อ ไทรโพโตแฟน ที่จะกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายออกมา คนที่กินกล้วยจึงอารมณ์ดีขึ้น เลิกซึมเศร้าเสียที

5. อาการเมาค้าง

กล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้งคือยาแก้เมาที่ได้ผลที่สุด เพราะคนเมากระเพาะจะปั่นป่วนกว่ายามปกติ กล้วยนี่ล่ะจะทำให้กระเพาะสงบลง ส่วนน้ำตาลจากน้ำผึ้งก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ส่วนนมก็ปรับระดับของเหลวในร่างกายให้สมดุล คนเมาจึงรู้สึกสบายขึ้น

6. โรคเสียดท้อง

กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติอยู่ ถ้าคนที่เป็นโรคเสียดท้องเพราะมีกรดเกินในกระเพาะได้กินกล้วยวันละผล จะรู้สึกได้เลยว่าท้องไส้เลิกร้องครวญครางเป็นปลิดทิ้ง

7. โรคลำไส้เป็นแผล

แม้แต่หมอก็ยังแนะนำคนไข้ที่เป็นแผลในกระเพาะให้ทานกล้วย เพราะเนื้อที่นุ่มนิ่มของมันไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร และยังมีสรรพคุณเคลือบผนังลำไส้ ช่วยรักษาแผลให้หายได้เร็วขึ้นด้วย

8. เส้นเลือดฝอยแตก

วารสาร “The New England Journal of Medicine” ตีพิมพ์ผลการวิจัยว่าการกินกล้วยเป็นประจำ สามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%

รู้ประโยชน์ของกล้วยแล้ว!! เช้าวันพรุ่งนี้รีบหามารับประทานกันได้เลย รับรองสุขภาพของคุณจะดูดีขึ้นมาและห่างจาก 8 โรคร้ายอย่างแน่นอน เพียงแค่คุณกินกล้วยในตอนเช้า

ขอบคุณข้อมูลจาก : siamnews

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่