เมื่อรถประสบอุบัติเหตุโดนชน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตจากประกันได้ เพียงทำตามขั้นตอนนี้

0

เมื่อรถประสบอุบัติเหตุโดนชน เราสามารถเรียกเงินก้อนโตจากประกันได้ เพียงทำตามขั้นตอนนี้

เป็นบทความหนึ่งที่อ่านเจอแล้วคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ขับขี่รถยนต์อย่างมาก เลยได้นำมาแชร์ให้กับเพื่อนๆได้ลองอ่านกัน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราควรต้องทำอย่างไร

วันนี้เรามีประโยชน์ดีๆจากคุณ Somchet J. Mhin ที่ได้โพสต์เรื่องราวของการเรียกคืนเงินสินไหมทดแทนค่าเสียประโยชน์จากประกัน ในกรณีที่รถเราโดนชนได้ โดยจากโพสต์ระบุว่า

2 เดือนก่อน กำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้าน โดนชนตูด ต้องเสียเวลาซ่อมรถไปสี่สิบกว่าวัน เพราะบริษัทประกันของคู่กรณี มัวแต่จะประหยัดค่าอะไหล่ จึงเสียเวลาไปหาอะไหล่มือสองมาเปลี่ยนให้ แต่เด็กอู่กะเราซี้กัน เด็กอู่เลยตีกลับให้ใช้อะไหล่ใหม่ ส่วนเราก็ไม่ได้ไปเร่งอะไร เพราะมีรถสำรองใช้อยู่แล้ว ยิ่งลากยาวซ่อมนานเท่าไหร่ เดี่ยวจะสั่งสอนให้เข็ด

พอซ่อมเสร็จเลยเรียกเคลม “ค่าขาดประโยชน์” ไป 45 วัน เรียกไปวันละพัน บวกกับค่าเสื่อมสถาพรถ เป็นห้าหมื่นกว่าบาท บริษัทประกันเงิบครับ ต่อรองจะขอจ่ายแค่ 2 หมื่น เลยแกล้งยื้อเล่นๆ เขาเลยให้มา 25,000 ขี้เกียจวุ่นวาย ได้มา 25,000 ก็ดีกว่าไม่ได้เลย จะได้เอาไปหล่อทองหลวงปู่

จากกรณีตัวอย่างนี้ จึงอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเราเป็นฝ่ายถูก นอกจากคู่กรณีจะต้องซ่อมแซมรถเราให้อยู่ในสภาพเดิมแล้ว เรายังสามารถเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้รถด้วยนะครับ ส่วนวิธีขอก็ไม่ได้ยุ่งยาก ยินดีให้คำปรึกษาครับ

และในทางกลับกัน หากเราไปชนเขา คู่กรณีก็มีสิทธิ์เรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์ด้วยเช่นกันนะครับ

ผมเชื่อว่าคนรู้เรื่องนี้กันน้อย บริษัทประกันเลยได้ประโยชน์ไป ที่ไม่ถูกเรียกร้องสินไหมในส่วนนี้ แต่สำหรับเพื่อนๆ ตอนนี้ก็รู้แล้วนะครับ ต่อไปถ้ารถถูกชน ก็อย่าลืมไปเรียกค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันของคู่กรณีนะครับ

และหลังจากเรื่องนี้ได้รับการแชร์ออกไปเป็นอย่างมากคุณ Somchet J. Mhin ก็ได้ออกมาโพสต์ให้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วยว่า…

ผมเขียนเรื่องการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์ กรณีรถเราถูกชน ปรากฏว่ามีคนสนใจกันมาก แชร์ไปแปดพันกว่า แสดงว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ จึงทำให้ถูกบริษัทประกันภัยเอาเปรียบ และก็มีคนเขียนหลังไมค์มาถามเป็นร้อย จนผมเริ่มตอบไม่ไหว เลยขอตอบที่หน้าวอลล์เลยล่ะกัน

เอกสารที่ใช้ในการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์ มีดังนี้

1. สำเนาใบเคลม

2. สำเนาใบรับรถ(จากอู่ที่ซ่อมรถ ซึ่งเขาจะต้องลงวันที่ว่ารับรถวันไหน)

3. สำเนาทะเบียนรถ (เพื่อเป็นการแสดงว่า ใครเป็นเจ้าของรถ ถ้ารถติดไฟแนนซ์ ต้องมีสำเนาสัญญาไฟแนนซ์ด้วย)

4. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ

5. ใบมอบอำนาจ (ถ้าไม่ได้ไปเอง)

6. ใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ไม่มีรถใช้ เช่น ค่าเช่ารถ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร บอกว่าขึ้นแท๊กซี่เอา

7. จดหมายขอค่าขาดประโยชน์ ดังตัวอย่างของผมดังนี้ครับ …..

วันที่ 18 กันยายน 2558

เรื่อง ขอเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม

เรียน แผนกสินไหมทดแทน บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

เอกสารแนบ

1. สำเนาใบเคลม

2. สำเนาใบรับรถ

3. สำเนาทะเบียนรถ

4. สำเนาบัตรประชาชน

ข้าพเจ้า นายxxxxx xxxxxxxx เป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยโต้ รุ่นแคมรี่ หมายเลขทะเบียน xx xxxx กทม. ถูกรถเทรลเลอร์ยี่ห้อ ISUZU ของบริษัท อาร์ อาร์ เอสทรานสปอร์ต จำกัด หมายทะเบียน 70-8725 ฉะเชิงเทรา เลขกรรมธรรม์ 5720425055 ชนท้ายที่ปากซอยรามอินทรา 45 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2558

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รถของข้าพเจ้ามีความเสียหายดังนี้

1. กันชนหลังบุบและฉีก

2. ฝาปิดท้ายบุบบี้

3. บังโคลนหลังซ้ายขวาบุบ

4. แผงท้ายบุบ

5. ไฟท้ายซ้ายขวาแตก

6. ไฟทับทิมซ้ายขวาแตก

7. ท่อไอเสียแตก

ข้าพเจ้าได้จึงได้นำรถยนต์เข้าซ่อมที่ อู่ของบริษัท พีแอนด์ดับบลิว ออโต้เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอู่ในเครือของ สินมั่นคงประกันภัย ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ซ่อมเสร็จ วันที่ 11 กันยายน 2558 ใช้ระยะเวลาซ่อม 46 วัน

ข้าพเจ้าทำงานเป็นผู้บริหารบริษัท xxxxxxxxxxxx จำกัด โดยปกติจะต้องใช้รถยนต์สำหรับติดต่อลูกค้าทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลทุกวัน ประมาณ 100-200 กม./วัน ในระหว่างที่นำรถเข้าซ่อมนั้น ข้าพเจ้าต้องใช้บริการรถแท็กซี่ในการเดินทางแทนและมีความไม่สะดวกในการเดินทางอย่างมาก

ดังนั้น จึงขอเรียกสินไหมดังต่อไปนี้

1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ 1,000 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา 46 วัน รวม 46,000 บาท

2. ค่าเสื่อมสภาพรถจากอุบัติเหตุ 10,000 บาท

รวมทั้งสิ้น 56,000 บาท (ห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) ทั้งนี้ได้แนบตัวอย่างอัตราค่าเช่ารถโตโยต้าแคมรี่มาเพื่อประกอบการพิจารณา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

(นายxxxxxx xxxxxxxx)

หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคนนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Somchet J. Mhin , Kaijeaw

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่