ไม่เลื่อนผ่าน 6 วิธีสอนลูกให้มีคุณภาพ จากมหาเศรษฐีฮ่องกง
ในวันนี้ดิฉันได้อ่านบทความหนึ่ง เกี่ยวกับการสอนลูกโดยเริ่มต้นจากศูนย์ ซึ่งเป็นวิธีการสอนลูกของลีกาชิง โดยลีกาซิงนั้นคือมหาเศรษฐีของโลก
เริ่มต้นจาก 0 ในช่วงวัยยังเล็ก เขาจะต้องอพยพร่อนเร่พเนจรจากประเทศของเขามายังฮ่องกง เมื่ออายุได้ 15 ปี คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ได้จากลงไป จนทำให้เขาจะต้องเลิกเรียนกลางคัน และหาเลี้ยงชีพด้วยการออกขายของเลี้ยงครอบครัวของตนเอง ด้วยความที่เป็นคนที่ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้
ชีวิตของลีกาซิงเป็นที่น่าศึกษาเป็นแบบอย่างมากๆ ซึ่งแทบทั้งถ้วยเอเชียไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา เรียกได้ว่าเป็นมังกรแห่งฮ่องกง ลีกาซิงได้ครอบครองอันดับ 1 ของเอเชียมาเนิ่นนาน แถมยังเป็นคนที่ใจบุญ ชอบช่วยให้เงินเป็นการกุศลมูลค่านับพันล้านเหรียญ แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมฐานะตัวเองในช่วงอดีต เขาเคยร่อนเร่ขายนาฬิกา และเขายังคงใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ และยังคงใส่นาฬิกาเรือนเดิม รองเท้าเก่าๆที่เดิม และใช้ชีวิตที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสอนลูกสอนหลาน
มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของฮ่องกง
ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตของคนตระกูลนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกชายของเขาจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทุกคนบนโต๊ะอาหารชักาวขอบคุณผู้ที่นำอาหารมาให้เขากิน นำอาหารมาเสิร์ฟเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนรับใช้ในบ้านก็ตาม
วันนี้ลองมาศึกษากันดูนะคะว่า ทำไมมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างลีกาซิง จึงสามารถเลี้ยงดูลูกของตัวเอง สั่งสอนลูกของตนเองได้อย่างมีคุณภาพ
1 พาขึ้นรถสาธารณะ ยอมทำตัวเป็นคุณพ่อขี้เหนียว
ลีกาชิงเลี้ยงลูกให้ติดดิน แม้จะเรียนในโรงเรียนชั้นนำ คนอื่นมีรถรับส่ง ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ลีมักพาลูกเขาขึ้นรถรางไปโรงเรียน แต่งตัวใช้ของธรรมดาทั่วไป จนลูกๆบ่นว่าทำไมพ่อไม่ยอมให้รถที่บ้านไปรับส่งพวกเขา ลีบอกลูกๆว่า เวลาอยู่บนรถสาธารณะ ลูกจะได้สัมผัส รับรู้ และเรียนรู้กับสภาพที่แท้จริงของทุกชนชั้น แต่ถ้าอยู่ในรถส่วนตัว ลูกจะไม่เห็นอะไรเลย
ในวันหยุด เขาให้ลูกๆไปทำงานพาร์ทไทม์ ทำงานบริการ ทำงานแคดดี้ในสนามกอล์ฟ เขาดีใจที่เห็นลูกตัวเล็กๆของเขาแบกถุงกอล์ฟถุงใหญ่ๆเดินไปในสนาม และที่ทำให้เขาดีใจที่สุดคือ ลูกๆบอกจะนำรายได้ทั้งหมดไปช่วยคนยากลำบาก
ลีกาชิงเป็นคนช่วยให้เงินมากมาย แต่นาฬิกาที่เขาใช้เป็นนาฬิกาญี่ปุ่นมูลค่าแค่ 26 เหรียญยูเอส เสื้อผ้าสิบปีที่แล้วเขาก็ยังสวมใส่อยู่จนทุกวันนี้ บ้านก็เป็นบ้านเมื่อสามสิบปีที่แล้ว สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแบบอย่างที่ทำให้ลูกจดจำตลอดไป
2 สอนลูกให้เป็นคนดี เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของคนเป็นพ่อแม่
ลีบอกว่า การศึกษาของลูกหลาน 99 เปอร์เซ็น ต้องสอนเขาให้รู้จักหลักการของการเป็นคนดีไว้ก่อน แม้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว 2/3 ก็ยังคงต้องเน้นสอนให้เป็นคนดี ที่เหลืออีก 1/3 ถึงจะสอนวิธีการทำการค้า เขาสอนลูกเสมอว่าอย่าเห็นแก่ได้อย่างเดียว ต้องคิดถึงหัวอกคนอื่น คนจะประสบความสำเร็จ ต้องขยัน ซื่อสัตย์ และรักษาคำพูด
ลีกาชิงเกิดในครอบครัวยากจน เขาไม่จบแม้กระทั่งชั้นประถม เขาต้องพยายามศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเขาเอง โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ งานจะยุ่งแค่ไหน ทุกเย็นเขาจะนั่งศึกษาเพิ่มเติมความรู้อย่างไม่ย่อท้อ นี่เป็นรูปแบบที่ติดตาติดใจลูกๆของเขาตั้งแต่เล็กจนโต
เขามักนำเอาปรัชญา คำสอน ดีๆของนักปราชญ์โบราณมาสอนลูกของเขาเป็นประจำ นี่คือวิธีบ่มเพาะลูกๆของเขาจนโตเป็นคนดีของสังคม
3 จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักวิธีการวางตัวและการเผชิญหน้ากับสังคมที่เหมาะสม
ลูกๆ ของเขามักบอกว่า พวกเขาเรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อ ที่สำคัญที่สุดที่พ่อมักเน้นย้ำ คือ ต้องเป็นนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ ต้องรู้จักวางตัวและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วน
ลีสอนลูกเสมอว่า ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ผู้อื่นเสมอ ไม่เอาเปรียบเขา ตั้งแต่ทั้งคู่ยังเล็ก เวลามีการประชุมของผู้บริหาร เขาก็จัดที่นั่งพิเศษให้ลูกๆนั่งฟังผู้ใหญ่เขาประชุมโต้เถียงหาลือกัน บางครั้งอาจมีข้อพิพาทในห้องประชุมจนลูกๆตกใจกลัว แต่เขาจะอธิบายให้ลูกๆฟังหลังจากนั้นว่า “ที่ต้องโต้แย้งกันก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท มันเป็นเรื่องปกติ เปรียบเหมือน ไม้ ถ้าไม่เจาะ ก็ทะลุมันไม่ได้ เหตุผลถ้าไม่ถกเถียงก็จะไม่เข้าใจกัน”
ลีบอกลูกว่า วิธีการบริหารจัดหารธุรกิจต้องศึกษาเลียนแบบโลกตะวันตก เขามีหลักการที่เป็นระบบระเบียบ แต่การวางตัวต่อสังคมต่อเพื่อนมนุษย์ ต้องศึกษาหลักปรัชญาอันลึกซึ้ง เพราะสอนให้บ่มเพาะอุปนิสัยให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ขยันอดทนและสู้ไม่ถอย หากจะทำตัวให้คนอื่นเชื่อถือเรา เราต้องเป็นคนมีสัจจะรักษาคำมั่นสัญญา ก่อนจะให้คำสัญญาต้องศึกษาให้รอบคอบ เมื่อสัญญาแล้ว แม้จะเจออุปสรรคยากเย็นแค่ไหน ก็ต้องรักษาคำมั่นสัญญาให้ถึงที่สุด
4 อย่าตามใจลูกจนเสียคน สอนให้ลูกยืนอยู่บนแข้งขาตัวเอง
ลีส่งลูกทั้งสองไปศึกษายังต่างประเทศตั้งแต่แค่อายุ 15 และ 13 ทั้งสองต้องฝึกดูแลตัวเอง ทำกับข้าวไม่เป็นก็ต้องศึกษาจากโทรทัศน์ จนทั้งคู่สามารถทำอาหารกินเองประทังเอาชีวิตรอดไปได้
เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ลูกๆต้องออกหางานรับจ้างทั่วไป ทำพาร์ทไทม์ในวันหยุด ชีวิตเหมือนปุถุชนทั่วไป คนที่รู้จักภูมิหลังครอบครัวนี้จะพูดว่า ที่บ้านรวยล้นฟ้า ทำไมต้องลำบากอย่างนี้ พี่น้องทั้งสองได้แต่ยิ้มแล้วตอบว่า ไม่เป็นไรครับ
5 เรียนจบแล้วพ่อไม่หนุนหลังหรือเป็นแบ็กให้ จงไปสร้างธุรกิจกันเอง
ความโหดของลีกาชิงที่มีต่อลูก เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด พอทั้งคู่เรียนจบมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดด้วยเกรดเฉลี่ยที่ยอดเยี่ยม ตั้งใจจะกลับฮ่องกงเพื่อเข้าทำงานในบริษัทพ่อ แต่ลีปฏิเสธที่จะให้ลูกเข้าทำงาน เขาให้ลูกไปลุยทางทำมาหากินเอง
ทั้งคู่จากฮ่องกง เดินทางไปแคนาดา แล้วเริ่มต้นทำธุรกิจจากศูนย์ ด้วยความพยายามไม่ยอมย่อท้อ ในที่สุด ลูกชายคนโตก็สามารถประสบความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่วนคนน้องก็กลายเป็นนักลงทุนด้านธุรกิจการเงิน นักคู่ล้วนประสบความสำเร็จจนเป็นที่จับตามองของคนในวงการ ก็เพราะพ่อ ลูกทั้งสองจึงสามารถยืนอยู่บนแข้งขาตัวเอง และล้วนไปได้สวยบนเส้นทางธุรกิจ
6 ลูกลีกาชิงเคยถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่กว่าตำรวจจะรู้คือสิบปีให้หลัง
สิบปีที่ผ่านมา คนในตระกูลไม่เคยมีใครแพร่งพรายข่าวนี้ให้ใครได้รับรู้ เรื่องมาแดงขึ้นก็โดยผู้ร้ายที่ลักพาตัวลูกชายลีกาชิงถูกจับในคดีลักพาตัวคนอื่นที่มาเก๊า ระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้าย ตำรวจถามไปว่า ในชีวิต เคยสร้างคดีอะไรที่ใหญ่ที่สุดไว้บ้าง ผู้ร้ายตอบว่า สิบปีที่แล้ว เคยเอ่ยปากขอเงินลีกาชิงมาใช้พันล้านเหรียญ(ฮ่องกง) ลีกาชิงรับปากทันที
นักข่าวถามลีว่าทำไมไม่แจ้งตำรวจตอนเกิดเรื่อง เขาบอกนักข่าวว่า ในเหตุการณ์นั้น เขากับคนร้ายสื่อสารกันในบรรยากาศที่เป็นมิตร เขารับปากกับคนร้ายว่าจะไม่แจ้งตำรวจเด็ดขาด นั่นคือเหตุผลที่เขารักษาคำพูดมาตลอด
ลีกาชิงบอกว่า การรักษาคำพูดเป็นชีวิตที่สองของเขา นักข่าวถามว่าเเค้นคนร้ายหรือไม่ ลีบอกกับนักข่าวว่า ผมมักสอนลูกว่า คนต้องมีหัวใจที่มุ่งมั่นดั่งใจราชสีห์ แต่ต้องมีจิตใจที่เปี่ยมเมตตาดั่งพระโพธิสัตว์
ลีกาชิงเป็นคนรักลูก เป็นความรักเยี่ยงคุณพ่อทั้งหลายที่มีต่อลูก
แต่สำหรับวิธีการเลี้ยงดูสั่งสอนลูกนั้น ลีกาชิงเป็นคนมีสติแต่โหด ความมีสติแต่โหดของเขาก็เพื่อซ่อนกลบความรักที่ยิ่งใหญ่ของเขาที่มีต่อลูก แต่สิ่งที่เขาสอนลูกนั้นล้วนลึกซึ้งแบบมีมิติที่ฝังลึก นี่คือวิธีการเลี้ยงดูลูกที่น่านับถือของเศรษฐีระดับโลกของลีกาชิง
แม้คุณจะประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจมากขนาดไหน หากคุณไม่สามารถบ่มเพาะลูกให้เป็นคนดี มันก็ไม่มีอะไรสามารถชดเชยความผิดพลาดอันนี้ได้
เขียน / เรียบเรียงส่วนหนึ่งโดย : Postsod
ขอขอบคุณ : amarinbabyandkids, คำสอน ลี กาชิง