เเม่ให้ทำ 7 วิธีช่วยลดรอยดำ ที่หน้า รอยกระหาย ฝ้าจาง เซฟไว้ทำ
สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านทุกคน แม่นอนบ้านหลายคนมักจะมีรอยสิวรอยฝ้า รอยจุดด่างดำต่างๆเกิดขึ้นบนใบหน้าอย่างแน่นอน เนื่องจากการทำงานหนัก นอนดึก ตากแดด เกิดการสะสมของสิวที่อุดตัน เมื่อผ่านระยะเวลานานวันเข้าก็ทำให้ผิวหน้าของคุณดูหมองหม่น ดังนั้นแล้วควรที่จะรีบหาวิธีแก้ไข
ซึ่งในวันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูดีขึ้นภายใน 14 วัน เมื่อทำตามขั้นตอนและทำอย่างสม่ำเสมอ มันดูแลผิวหน้าก่อนนอนเป็นประจำก็จะได้ผลดีจริงเชียว
1 มาสก์มะขามเปียก + น้ำผึ้ง + นมสด
มะขามเปียกเป็นสมุนไพรที่ช่วยทำให้ผิวขาวและช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดี บางคนใช้น้ำมะขามเปียกมาเป็น สครับขัดตัว ตามข้อศอกและหัวเข่า ก็จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและสว่างใสขึ้นได้ แต่ถ้าจะนำมาใช้กับผิวหน้า ควรผสมสารอาหารผิวตัวอื่นลงไปด้วย เพื่อลดความเป็นกรดเข้มข้น
อย่างเช่นสูตรนี้ ให้นำเอาน้ำมะขามเปียก มาผสมกับน้ำผึ้งและนมสด สัดส่วน 1 : 1 : 1 ผสมจนเข้ากันดีแล้วก็ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วไปล้างออก ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้จุดด่างดำจากสิวลดเลือนลงได้ แถมยังช่วยให้ผิวหน้าสว่างใสมากขึ้น
2 ว่านหางจระเข้ + มะนาว
ว่านหางจระเข้ ขึ้นชื่อว่าเป็น สมุนไพร ที่สามารถช่วยลดรอยแผลเป็นและรอยดำต่างๆ ได้ดี มีคุณสมบัติลดหน้าท้อง น้ำหนักต้านการอักเสบของผิว ลดอาการแสบร้อนจากแสงแดด ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ชุ่มชื่น และมีส่วนช่วยในการลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน เมื่อบวกกับน้ำมะนาวที่มีกรดตามธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียแล้วออกอย่างอ่อนโยน
ขั้นตอนการทำ คือ นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออก เอาแต่วุ้นขาวๆ ล้างน้ำใสๆออกให้หมด ตักมา 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาบดละเอียดแล้วเติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน หรือวันเว้นวัน ทำต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มสังเกตเห็นว่ารอยดำ กระ จุดด่างดำค่อยๆ จางลง
3 มะเขือเทศ + ข้าวโอ๊ต + โยเกิร์ต
มาต่อกันที่อีกหนึ่งสูตร แนะนำเป็นมะเขือเทศที่มีกรด AHA ธรรมชาติ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีเช่นกัน โดยนำมะเขือเทศล้างสะอาด แล้วสับหรือบดให้ละเอียด ผสมกับข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตรสธรรมชาติอีก 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้รอยสิว จุดด่างดำ ค่อยๆ ลดเลือนลง แถมยังสัมผัสได้ว่าผิวหน้านุ่ม เนียน ชุ่มชื้นมากขึ้น
4 หัวไชเท้า + ดินสองพอง + น้ำผึ้ง
หัวไชเท้า มีส่วนประกอบของสารไกลโคไซ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยลดรอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอาการอักเสบจากสิว พร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยชำระล้างไขมันภายในรูขุมขน ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น
วิธีทำคือ นำหัวไชเท้ามาบดหรือปั่นเอาทั้งน้ำทั้งเนื้อ แล้วแช่เย็น ตักมา 3 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับดินสองพอง 1 เม็ด และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกหน้า 15-20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด (ปล ไม่เหมาะกับคนที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย)
5 สับปะรด + น้ำผึ้ง
สับปะรดเป็นของธรรมชาติ หาง่าย มีกรด AHA จากธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียแล้วออกไปได้ดี ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ นอกจากจะช่วยขจัดปัญหารอยแผลและจุดด่างดำแล้ว มันยังช่วยลบความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อีกด้วย (ป.ล.ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย)
วิธีทำคือ คั้นเอาน้ำสับปะรดมาผสมกับน้ำผึ้ง อัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้วทาบางๆ ให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเห็นว่าจุดด่างดำค่อยๆ จางลง
6 แตงกวา + มะนาว + น้ำผึ้ง
สูตรนี้เป็นสูตรที่ผสานพลังระหว่าง แตงกวา ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดความมัน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ส่วนมะนาวก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียแล้วออกไป ทำให้จุดด่างดำลดเลือนลง และ น้ำผึ้ง ก็ช่วยสมานผิว
วิธีทำคือ เอาแตงกวามาปอกเปลือก ล้าง แล้วปั่น คั้นเอาแต่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะเห็นผลได้ว่าจุดด่างดำลดลงจริง
7 แอปเปิลไซเดอร์ + น้ำผึ้ง
แอปเปิลไซเดอร์ มีกรดอะซิติก ช่วยในเรื่องการฟอกสีและความสว่างให้กับสีผิวที่คล้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียน สดใสมากยิ่งขึ้น โดยกรดชนิดนี้สามารถช่วยลบรอยฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิวได้
วิธีทำคือ นำแอปเปิลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวมาทาบนใบหน้า หรือรอยสิว จุดด่างดำ ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 4-5 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
สำหรับ 7 สูตร ที่ดิฉันนำมาฝากในวันนี้ หวังว่าเพื่อนๆจะเซฟเก็บเอาไว้ทำในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันไหนที่ว่างก็สามารถหยิบขึ้นมาอ่านแล้วเตรียมอุปกรณ์ในการมาร์คหน้าได้เลย แนะนำว่าให้เซฟไว้ที่หน้าเฟซของตนเองได้เลยค่ะ
เขียน / เรียบเรียงส่วนหนึ่งโดย : Postsod
ข้อมูลจาก : thairath, thaihealth, medthai