ขนมชั้นใบเตย สูตรแป้งเหนียวนุ่ม อร่อย หอมหวานกำลังดี

0

ขนมชั้นใบเตย สูตรแป้งเหนียวนุ่ม อร่อย หอมหวานกำลังดี

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้เราได้นำสูตรการทำขนมชั้นใบเตย เป็นขนมชั้นโบราณที่เชื่อได้ว่าหลายๆคนมักจะรู้จักและเคยได้ลิ้มลองรสชาติ เป็นขนมโบราณที่เราจะเห็นได้ตามงานม ง ค ลต่างๆ มักจะอยู่ในพิธีขันหมากเพื่อความเป็นสิริ ม งค ลของชีวิตคู่

ซึ่งในวันนี้เราได้มีสูตรการทำขนมชั้นใบเตยมาแจกให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่สนใจ หรือกำลังมองหาวิธีการทำขนมชั้นอยู่ เราแนะนำสูตรนี้เลยละค่ะ เพราะเป็นสูตรที่ทำไม่ยาก ส่วนผสมไม่เยอะ ไม่กี่ขั้นตอนคุณก็จะได้ทานขนมชั้นอิ่มอร่อยกันได้ทั้งครอบครัว เราตามมาดูส่วนผสมวิธีการทำกันเลย ไม่ยากอย่างที่คิดเอาไว้อย่างแน่นอน

ส่วนผสมขนมชั้น

1 น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย

2 น้ำกะทิ 4 ถ้วย

3 แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย

4 แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย

5 แป้งท้าวยายม่อม 1 1/2 ถ้วย

6 น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย

7 น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย

8 ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยม

วิธีทำขนมชั้น

1 เราจะเริ่มด้วยการผสมน้ำตาลทรายเข้ากับกะทิ แล้วนำไปตั้งไฟที่ระดับอ่อนๆ คนจนน้ำตาลทรายเริ่มละลาย ไม่ต้องต้มให้เดือดมาก เมื่อเสร็จแล้วให้วางพักเอาไว้ก่อน

2 ทำการผสมแป้งทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกัน แล้วค่อยๆเติมน้ำกะทิลงไปทีละน้อย คนจนแป้งละลายเข้ากันดี หากยังไม่แน่ใจให้นำไปกรองกับกระชอนตาถี่

3 ให้เราแบ่งน้ำกะทิเอาไว้ 2 ชาม ในชามแรกให้ผสมกลิ่นมะลิลงไปและคนให้เข้ากัน ชามที่ 2 ให้เราใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากัน

4 จากนั้นเมื่อเราเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ให้เราเตรียมพิมพ์สำหรับขนมชั้นใส่น้ำลงไปในลังถึง ทำการต้มน้ำจนเดือดดีแล้ววางแม่พิมพ์ลงไปนึ่ ง ถาดเปล่าก่อน 15 นาที เพื่อให้ถาดมีความร้อนได้ที่

5 เมื่อถาดร้อนได้ที่แล้ว ให้เราเทขนมลงไปทีละชั้น ชั้นละปริมาณเท่าๆกัน สลับสีกัน ทำการนึ่ งชั้นละ 5 นาทีจนเต็มแม่พิมพ์ เมื่อเราทำการนึ่ งเสร็จเรียบร้อยให้เรานำขนมออกมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แล้ววางเรียงใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย

เคล็ดลับ

– การกรองส่วนผสมแป้งด้วยผ้าขาวบางต้องใช้มือบีบ ออกให้หมดเพราะแป้งจะติดอยู่กับผ้าขาวบางทำให้แป้ง ไม่ได้ ตามอัตราส่วน

– หากจะเพิ่มขนมชั้นให้มีกลิ่นความหอมของควันเทียน ให้คุณอบน้ำกะทิที่เคี่ยวกับน้ำตาล

– ขนมชั้นถ้าอบควันเทียนแล้วไม่ควรใส่น้ำใบเตย เพราะกลิ่นที่ได้จะปนกัน ให้ใส่น้ำแล้วหยดสีผสมอาหารที่ต้องการแทน

ขอบคุณข้อมูลจาก : สุธารัตน์ เก่งพินิจ , the-than

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่