เก็บไว้ทำกิน 4 สูตรหมักให้นุ่ม ละลายในปาก รสชาติอร่อยเข้มข้นมาก

0

เก็บไว้ทำกิน 4 สูตรหมักให้นุ่ม ละลายในปาก รสชาติอร่อยเข้มข้นมาก

สำหรับเมนูราดหน้า ถือเป็นเมนูยอดฮิตของใครหลายๆคน หาทานได้ง่ายมีเส้นที่นุ่ม มีเนื้อห มูที่มีความนุ่มมีความเด้ง ทานแล้วละลายในปาก มีรสชาติที่อร่อย สามารถปรุงแต่งรสชาติเพิ่มเติมได้ตามใจชอบ หาทานได้ง่ายๆแทบจะมีขายในทุกที่เลยก็ว่าได้

ซึ่งในวันนี้เราได้มีสูตรการหมักห มูราดหน้าทั้ง 4 สูตร ที่คุณสามารถนำไปทำเองได้ที่บ้ าน จะได้รสชาติที่อร่อยเหมือนร้านชื่อดัง อิ่มอร่อยกันได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว เรามาดูกันเลยว่าทั้ง 4 สูตรที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะต้องเตรียมอะไรและมีวิธีการทำอย่างไร ง่ายมากๆ ชื่นชอบสูตรไหนสะดวกทำตามสูตรไหน ก็สามารถนำไปทำกันได้เลยล่ะค่ะ

1 สูตรหมักราดหน้า สูตรโบราณ

ห มู ส่วนสะโพก (หั่นชิ้นพอคำ) 1 ก.ก. ( ส่วนนี้เนื้อจะเป็นเส้นใย หั่นแบบขวาง ) , น้ำตาลทรายขาว 3 ชต. ( หากมีน้ำตาลปี๊บ จากหอมกว่า ) , ซอสปรุงรส 4 ชต. , ซีอิ้วดำ หวาน 1/2 ชต. , พริกไท ยขาวป่น 1/2 ช.ต. , ผงปรุงรส 1 ชต. , น้ำมันหอย 4 ชต. , น้ำสะอาด 5 ชต. , แป้งมัน ตราปลามังกร 1 ช.ต. , ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ฟอง , น้ำมันกระเทียมเจียว 3 ชต.

2 สูตรหมักแบบง่าย เนื้อนุ่ม

เนื้อห มู 1 กก. , แป้งมัน 1.5 ชต. , น้ำตาลทราย 2 ชต. (ใช้น้ำตาลปี๊บจะหอมกว่า), ซอสภูเขาทองฝาเขียวหรือซ๊อสแม็กกี้ 3 ชต. , น้ำมันพืช 2 ชต. , แป้งมัน 1 ชต. , ไข่ไก่ทั้งใบ 1 ฟอง , น้ำเปล่า 4 ชต.

3 สูตรหมักแบบทั่วไปปัจุบัน

เนื้อห มู ส่วนสะโพก 1 กก. , โซดาไบคาร์บอเนต ( ผงฟู ) 1.5 ชช. , รสดีผง รสห มู/ไก่ 2 ช้อนชา , พริกไท ยขาว 2 ชช. , ซอสปรุงรส ฝาเขียวหรือแม๊กกี้ 2 ชต. , น้ำสะอาด 3 ชต. , น้ำตาลทรายขาว 2 ชช.

4 สูตรหมักราดหน้า แบบโบราณ ไม่ใส่แป้งมัน

เนื้อห มู ส่วนสะโพก 1 กก. , น้ำปลาอย่างดี 4-5 ชต. , พริกไท ย 2 ชช. , น้ำสัปรส 2 ชต. , ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ฟอง , น้ำตาลทรายขาว 2 ชช. , น้ำมันห มู พร้อมกาก 4 ชต. , น้ำสะอาด 3 ชต

สำหรับวิธีการทำ

1 ให้คุณเริ่มต้นด้วยการหั่นเนื้อห มูให้เป็นชิ้นที่พอดีคำ นำไปล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นวางใส่ในภาชนะใบใหญ่ และตามด้วยเครื่องหมักต่างๆที่เราได้เตรียมไว้ใส่ตามลงไป ใช้มือของเราทำการนวดส่วนผสมให้มีความเข้ากันดี

2 หมักทิ้งไว้นานประมาณ 3-4 ชม. หรือหากใครมีเวลามากๆก็สามารถหมักข้ามคืนไว้ก็ได้ เพื่อที่จะได้เนื้อที่นุ่ม ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เท่านี้ก็พร้อมนำออกมาประกอบในเมนูอาหารของคุณได้เลยล่ะค่ะ

เรียบเรียง : postsod

ขอบคุณข้อมูลจาก : kubkhao

แสดงความคิดเห็น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่