หนุ่มพ่อครัว ไปงานเลี้ยงรุ่น เขาใส่ผ้ากันเปื้อนออกมา พอหลังงานเลี้ยงจบ
เพื่อนร่วมรุ่นของฉันนั้นเป็นแค่พ่อครัว ทำไมงานเลี้ยงจึงกลายเป็นงานที่ผู้คนต่างมาอวดร่ำอวดรวย สรรเสริญเยินยอ คอยพูดตำหนิติเตียนคนที่ทำอาชีพต่ำกว่าตนเอง
ผมชื่อหวาง มีอาชีพเป็นพ่อครัว ในครั้งหนึ่งผมเคยได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นหลังจากที่ผมเรียนจบไปนานแล้ว และหวางก็ได้ยืนกรานว่าชาตินี้คงไม่ต้องติดต่อคบค้าสมาคม กับเพื่อนรุ่นนี้อีกแล้ว
โดยเรื่องเกิดเมื่อนานมาแล้ว มีอยู่ว่า
ในงานเลี้ยงรุ่นที่หวาง ได้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยมัธยมต้น จริงๆแล้วตัวเขาเองก็เรียนได้แค่มอต้นแล้วก็จำเป็นที่จะต้องเลิกเรียนไป เพราะว่าฐานะทางบ้านของเขาจนมาก หลังจากเรียนจบมต้น ก็เลยออกจากโรงเรียนไปทำงานเป็นพ่อครัวตั้งแต่ตอนนั้นมา
หวางใจจดใจจ่อรองานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้มานานมาก เพราะว่ามีเพื่อนพี่สนิทมากมาย เป็นเพื่อนสมัยที่เรายังเล็ก คิดถึงและไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
แต่บังเอิญประจวบเหมาะในคราวนี้ สถานที่จัดงานเลี้ยงก็คือโรงแรม 5 ดาวที่ผมทำงานอยู่พอดี เพราะในช่วงใกล้เที่ยง ทุกคนในรุ่นของผมก็มากันครบหมดแล้ว งานเลี้ยงก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ทุกคนต่างตื่นเต้นพากันทักทายเพื่อนหลายๆคนที่ไม่ได้เจอกันหลายสิบปี ต่างบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองไปพบเจอมาหลังจากแยกย้ายกันไป
ขณะเดียวกันเอง อาหารก็ค่อยๆทยอยยกออกมาจากครัวของโรงแรมมาเสริฟ์ให้เพื่อนร่วมรุ่นในงาน
พิธีของงานเริ่มขึ้น คือ ให้เพื่อนนักเรียนในรุ่นได้ขึ้นมาทักทายและแนะนำตัวกับเพื่อนทุกคนหมุนเวียนกันไปจนครบ
คนแรกที่ขึ้นไปพูดเป็นหัวหน้าห้อง เขาบอกว่าตอนนี้ได้เป็น หัวหน้ากรมเมือง ที่หน่วยงานราชการในท้องที่แห่งหนึ่ง ขึ้นมาก็พูดจาวางมาดแบบข้าราชการผู้ใหญ่ เสมือนว่าเพื่อนๆที่นั่งฟังเป็นลูกน้องในกรมก็ไม่ปาน
ก่อนพูดจบเขาฝากไว้กับทุกคน ถ้าเพื่อนๆมีเหตุเดือดร้อนอะไรต้องการให้ช่วยบอกเขาได้เลย พร้อมจะช่วยเสมอพูดจบทุกคนปรบมือชอบใจใหญ่ เท่ห์จริงๆมีเพื่อนเป็นข้าราชการใหญ่โต
คนต่อไปที่ขึ้นพูด เป็นเพื่อน นักธุรกิจ ระหว่างพูดก็พาดพิงถึงธุรกิจใหญ่ที่ตัวเองดูแลอยู่ คำสั่งซื้อหลายล้านของธุรกิจตัวเองบ้าง นาฬิกาหรูและของสะสมราคาแพงที่ตัวเองชอบบ้าง
ก่อนพูดจบเขาฝากไว้กับทุกคน ถ้าเพื่อนๆมีเหตุร้อนเงินขอให้บอก เขาพร้อมยื่นมือให้ช่วย พวกเราเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก คุยง่าย พูดจบทุกคนปรบมือชอบใจใหญ่ เท่ห์จริงๆมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน
หลังจากนั้นก็ถึงคิวขึ้นกล่าวของเพื่อนอีกหลายๆคน ทั้ง นายธนาคาร ผู้จัดการใหญ่ พนักงานระดับสูง ฯลฯ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวทักทาย
แต่ละคนก็พากันพรรณนาว่าช่วงนี้ตนเองทำอะไรอยู่ ได้ดิบได้ดีอย่างไร เห็นคุณค่าในมิตรภาพเพื่อนร่วมรุ่น และต่างคิดถึงช่วงเวลาที่เรียนร่วมกันขนาดไหน
จนสุดท้ายเหลือเพียง หวาง ที่เพิ่งยุ่งในครัวเสร็จหลังจากอาหารจานสุดท้ายยกมาเสริฟ เขากระวีกระวาดขึ้นบนเวทีทันกล่าวทักทายกับทุกคนพอดี
แต่เพราะรีบร้อนเลยไม่ทันเปลี่ยนชุด หวางออกมาพร้อมกับชุดพ่อครัวและผ้ากันเปื้อนเนื้อตัวมอมแมม
พอหวางขึ้นเวทีบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงเปลี่ยนเป็นความเงียบ เพื่อนๆหลายคนเห็นพ่อครัวเนื้อตัวมอมแมม ขึ้นเวทีก็กระซิบกระซาบ
หลายคนจำไม่ได้ว่านี้คือหวางเพื่อนร่วมรุ่นของตัวเอง เพื่อนผู้หญิงบางคนได้กล่าวถากถางแกมตลก “เหม็นกลิ่นน้ำมันถึงนี่เลย ทำไมไม่อยู่ในครัวจนเลิกงานไปเลย”
พ่อครัวหวาง กล่าวสั้นๆ
เราไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจเหมือนเพื่อนๆนะ เราทำงานที่โรงแรมแห่งนี้ เราเป็นพ่อครัว อาหารวันนี้ที่ทุกคนทาน เรากับเพื่อนในครัวช่วยกันทำสุดฝีมือเลย หวังว่าคงถูกปากเพื่อนๆนะ
เพียงเท่านี้ แล้วหวางก็ลงเวทีไป
ตอนที่หวางนั่งลงที่โต๊ะเขาบังเอิญได้ยินเพื่อนโต๊ะข้างๆนินทาเขาอยู่ “ตร๊ายยย คิดไม่ถึง เพื่อนร่วมชั้นเราจะมีที่ตกต่ำขนาดนี้ อย่าพูดออกไปนะ ขายหน้าคนอื่นเขา
หวางทำเป็นไม่ได้ยิน พูดจายิ้มแย้มกับเพื่อนร่วมโต๊ะ และทักทายเพื่อนๆในงานตามประสาเพื่อนวัยเล็กๆที่ไม่ได้เจอกันนาน
ทุกคนในงานทานอาหารไป รินชนแก้ว สนทนา หัวเราะเฮฮากันอย่างออกรส แต่
ไม่มีใครมาขอหวางชนแก้วเลย และไม่มีใครตั้งใจคุยกับหวางด้วย ดูเหมือนว่าหวางเป็นเพียงคนเดียวในงานที่ถุกทอดทิ้งให้เงียบเหงาเพียง เพราะเขาไม่ได้ดิบได้ดีแบบเพื่อนๆ
จนเวลาใกล้ที่งานเลิกทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญ บางคนก็เริ่มเมากริ่มๆบริกรเดินถือบิลเข้ามาเช็คบิลที่โต๊ะของเพื่อนที่เป็นเหรัญญิกรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้
แต่เหรัญญิกเห็นบิลก็หน้าซีด เพราะค่าใช้จ่ายที่ออกมามันเกินงบที่เก็บมามาก..มากโขเพราะที่นี่เป็นโรงแรมห้าดาวที่ดีที่สุดในมณฑลก็ว่าได้ค่าใช้จ่ายรวมๆเกือบห้าหมื่นบาท
สายตาทุกคนเริ่มจับจ้องไปที่เพื่อนๆที่เป็นนักธุรกิจกับเถ้าแก่ใหญ่ เพราะเมื่อครู่หลายคนยังคุยโม้อยู่ว่ามีธุรกิจใหญ่โต ในวงสนทนาก็บอกตัวเองทำเงินได้เดือนละหลายล้าน แต่เพื่อนเหล่านั้นหน้าแดง หลายคนบอกเงินไม่ขาดมือหรอกแต่ต้องผ่านการอนุมัติจากเมียก่อน แล้วก็ นิ่งเงียบ
ส่วนหัวหน้าห้องที่เป็นหัวหน้ากรมก็ไม่พูดอะไรยังขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง บอกงานราชการด่วนเข้า
หวางเห็นเพื่อนๆในห้องนิ่งกันนานมาก แล้วหวางก็ลุกขึ้น ประกาศในห้องจัดเลี้ยง ไม่เป็นไรเพื่อน มื้อนี้เราขอเลี้ยงนะ
สิ้นเสียงประกาศของหวาง เพื่อนๆหลายคนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินกับหู
แล้วบริกรก็เข้ามาหาหวาง แล้วโค้งคำนับ รับทราบค่ะ ท่านประธานหวาง
ตอนนี้เอง ทุกคนถึงเพิ่งรู้ เพื่อนหวางที่ใส่ชุดพ่อครัวมอมแมมคนนี้ แท้จริงคือเถ้าแก่เจ้าของโรงแรมห้าดาวที่หรูที่สุดในมณฑลแห่งนี้
หลายคนก็พูดติดตลกแก้เขินบอก ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ เพื่อนหวางนายนี่ก็ ถ่อมตัวจนดูไม่ออกเลย เพื่อน นายเป็นใหญ่ เป็นโตขนาดนี้อุบเงียบไว้เลยนะ
แล้วเพื่อนๆก็พากันกรูเข้ามาหาหวาง หวังจะตีสนิทด้วยก่อนเลิกงาน
เวลานี้ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตอนเริ่มงานของหวางเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
ในช่วงก่อนหน้านั้นตอนที่เรากล่าวบนเวทีว่า อาหาร 10 อย่างที่เพื่อนๆกินกันในวันนี้ เรากับเพื่อนพ่อครัวช่วยกันทำเต็มที่และสุดฝีมือ ไม่เห็นมีใครขอบคุณเรากับเพื่อนที่ทำเลยสักคนเดียว เพราะว่าเราเป็นแค่ครอบครัวใช่ไหม
พ่อครัวอย่างเราอาจจะเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าหน้าผมมีแต่กลิ่นน้ำมัน คงไม่น่าเข้าใกล้สินะ แต่ไม่ใช่เพราะพ่อครัวตัวมอมแมมแบบพวกเราหรอ ทำให้พวกเธอมีอาหารรสเลิศที่เอาไว้สังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน
เรากับพ่อครัวในครัวหลายสิบชีวิต ทำอาหารกันยุ่งตัวเป็นเกลียวตั้งแต่เช้า หวังว่าจะให้เพื่อนๆอย่างพวกเธอมีอาหารดีๆ แต่ไม่มีใครสักคนหนึ่งที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำเลย นำซ้ำยังหัวเราะเยาะเย้ยงานที่เราทำอีก
คนเรานะต่อจะให้งานใหญ่โตสักเพียงใด มีหน้ามีตาในสังคมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าความเคารพเพื่อนมนุษย์ด้วยกันยังไม่มี ก็เป็นแค่คนชั้นต่ำเท่านั้น
หลังจากที่หวางพูดจบ ก็ได้เดินจากไปทิ้งเพื่อนๆรวมรุ่นวัยเดียวกับเขาทั้งห้องเอาไว้ เพื่อนทุกคนหน้าชา แล้วก็จบงานเลี้ยงรุ่นโดยที่ทุกคนก้มหน้าไม่พูดอะไรสักคำ
ขอขอบคุณ : กรุ๊ปไลน์คำสอน