แพทย์เผย กินเสาวรสติดต่อกันทุกวัน ทำให้ร่างกายเปลี่ยนไป
สิ่งที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้น อย่างแรกที่เราต้องให้ความสำคัญคือ ในเรื่องของการเลือกทานอาหาร เลือกทานผักผลไม้
จากการวิจัย การทำงานของการไหลเวียนโลหิตของร่างกายจะค่อยๆเสื่อมลงตามอายุของเรา ในช่วงอายุ 30-40 ปีการทำงานต่างๆ จะเริ่มเสื่อมลง และช่วงอายุ 40-49 ปีก็จะเสื่อมลงอีก จนถึงช่วงอายุ 50-59 ปีก็จะมีอาการการต่างๆแสดงออกมาอย่างชัดเจน โดยปกติ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมักจะมีความรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยเพลียง่าย
เมื่อร่างกายของคุณเริ่มเสื่อมและแก่ลงตั้งแต่วัย 50 ปี แต่คุณยังไม่เริ่มการบำรุงร่างกาย คุณจะยิ่งแก่ลงไวสุดๆ ดังนั้นเราควรเริ่มการบำรุงร่างกายเพื่อป้องกันการแก่ลง
จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดโรคต่างๆในช่วงวัย 60-69 ปี ทางแพทย์แนะนำว่าควรทานอาหารเสริมจากธรรมชาติที่มีวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์ (วิตามินพี)
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผลไม้สองชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์และมีเส้นใยกับน้ำตาลน้อย
1. เสาวรสเป็นยาธรรมชาติที่สามารถแก้อาการอักเสบได้เป็นอย่างดี
2. เสาวรส ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
3. ช่วยในการชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
4. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยให้มีสติปัญญา
5. ช่วยในการบำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอรวมอยู่ด้วย
6. น้ำเสาวรสช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก
7. น้ำเสาวรสช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
วิธีทำน้ําเสาวรส สิ่งที่ต้องเตรียม
– เสาวรสที่สุกแล้ว 3 ลูก
– น้ำเชื่อมครึ่งถ้วย
– เกลือป่นหนึ่งช้อนโต๊ะ
– น้ำต้มสุกแช่เย็นหนึ่งถ้วย
ขั้นตอนในการทำ
– นำเสาวรสไปล้างให้สะอาดทั้งเปลือก
– แล้วนำมาผ่าครึ่งตามขวาง
– นำช้อนตักเมล็ดเนื้อเสาวรสและน้ำออกให้หมด
– นำมาปั่นกับน้ำต้มสุกจนละเอียด
– กรองกากและเมล็ดออกด้วยการใช้ผ้าขาวบางหรือกระชอน
– หลังจากนั้นนำน้ำเสาวรสที่กรองเรียบร้อยแล้วลงในเครื่องปั่น
– ใส่น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำแข็งตามลงไป
– ปั่นเสร็จแล้วก็จะได้น้ำเสาวรสฝีมือของเราแล้ว
สับปะรดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์และยังอุดมไปด้วย บรอมีเลนมากมายซึ่งเป็นผลไม้ที่ดีมากสำหรับทุกคน
เสาวรสและสับปะรดเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายมาก รีบกดแชร์แบ่งปันความรู้ที่สำคัญต่อสุขภาพนี้ออกไปให้เพื่อนทุกคนดูด้วยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : medthai